สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงกำชับเร่งแก้ปัญหาไฟไหม้ป่า “พรุควนเคร็ง” กรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ดับไฟ เตรียมพิสูจน์สิทธิที่ดินสัปดาห์หน้า...
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เมื่อเย็นวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นองค์ประธานเปิดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งกรมอุทยานฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพ ในการจัดงานภายใต้หัวข้อเกี่ยวกับผลสำเร็จการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งมีขึ้นในระหว่างวันที่ 15-19 ส.ค.นี้ ที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เขตจตุจักร
ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ เข้าเยี่ยมชมซุ้มนิทรรศการของกรมอุทยานฯ ซึ่งตนได้ถวายรายงานในเรื่องเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริ ในส่วนของกรมอุทยานฯ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับสั่งถามถึงสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง จ.นครศรีธรรมราชและพัทลุง โดยทรงเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ และรับสั่งกำชับให้กรมอุทยานฯ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เร่งแก้ปัญหา เพราะถ้าปล่อยให้ไฟลุกลามออกไป อาจทำให้กระทบกับสภาพพื้นที่และความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณดังกล่าวได้
ด้านนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการแก้ปัญหาไฟป่าพรุควนเคร็ง ที่ จ.นครศรีธรรมราชและพัทลุงว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากระดับน้ำในป่าพรุลดลง ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้ง ประกอบกับประชาชนในพื้นที่ต้องการพื้นที่ทำการเกษตรเพิ่มเติม รวมทั้งมีนายทุนต้องการเข้าไปจับจองพื้นที่ จึงถางป่าและจุดไฟเผา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงทรัพยากรฯ ร่วมกับกองทัพภาคที่ 4 และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 จังหวัด ต่างระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำความเข้าใจและให้ความรู้กับชาวบ้าน พร้อมกำชับไม่ให้บุกรุกป่าเพิ่มเติมอีก โดยชี้ให้เห็นถึงอันตรายจากการเผาป่า นอกจากนี้ ยังจะเร่งดำเนินโครงการด้านชลประทาน เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้นในพื้นที่ด้วย
ขณะที่ นายศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ ผอ.ส่วนควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ไฟป่าที่พรุควนเคร็ง สามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีการลุกลามและไม่มีไฟไหม้ใหม่เกิดขึ้นแล้ว โดยขณะนี้เหลือพื้นที่เกิดไฟป่าใน 5 พื้นที่ คือ ที่ ต.เคร็ง อ.ชะอวด 2 จุด ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ 2 จุด และที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อีก 1 จุด แต่ไม่น่าห่วง เพราะสามารถกั้นพื้นที่ไม่ให้ไฟลุกลามขยายวงออกไป และตอนนี้ไฟก็เริ่มมอดแล้ว
ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดไฟป่าขึ้น กินพื้นที่เสียหายไปถึง 9,870 ไร่ ซึ่งคงต้องเร่งฟื้นฟู โดยเฉพาะการจัดทำระบบน้ำในป่าพรุ เนื่องจากขณะนี้ ในป่าพรุควนเคร็ง มีระดับน้ำต่ำกว่าผิวดินถึง 40-50 เซนติเมตร ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน ที่จะต้องมีระดับน้ำสูงกว่าผิวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ดังนั้น คงต้องประสานกับกรมชลประทานเพื่อหาทางฟื้นฟูต่อไป
ผอ.ส่วนควบคุมไฟป่า กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้าหลังจากสถานการณ์ไฟป่าคลี่คลาย ทางกรมอุทยานฯ จะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์สิทธิในที่ดิน 4 ประเภท ในพื้นที่ป่าพรุ คือ พื้นที่ป่าสงวน พื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่ ส.ป.ก. และพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิของราษฎร เพื่อจัดทำแนวเขตให้ชัดเจน พร้อมหามาตรการป้องกันไฟป่า และถือเป็นการพิสูจน์สิทธิในที่ดินไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากมีหลายพื้นที่ที่ประชาชนอ้างว่าเป็นพื้นที่ของตนเอง ทั้งๆ ที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าสงวน หรือพื้นที่อนุรักษ์.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น