Mthai news: รายการเจาะใจ ออกอากาศวันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน นำเสนอเรื่องราวชีวิตของชายคนหนึ่ง ที่ในวัยเพียง 6 ขวบต้องอยู่ด้วยตัวเองตามลำพัง เนื่องจากพ่อกับแม่มีปัญหาทะเลาะกัน เรียกได้ว่าเป็นเด็กจรจัดก็ว่าได้ เกเร หนีเรียน แต่สุดท้ายชีวิตพลิกผันสามารถเรียนจบปริญญาเอกที่ประเทศญี่ปุ่นได้
“ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ“ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เล่าถึงชีวิตในวัยเด็กว่า ชีวิตวัย 6 ขวบที่ถูกทอดทิ้งเพียงลำพังนั้น อาหารการกินต้องขอข้าวข้างบ้านกิน พี่น้องในครอบครัวต่างแยกย้ายกันไป ไร้คนดูแล ต้องไปยืนรอกินของเหลือของผู้โดยสารที่บขส.จนแม่ค้าต้องไล่ ตนเองต้องเดินไปขอเงินบาทสองบาทเพื่อเป็นเงินซื้อข้าว เสื้อผ้าก็มีเพียงชุดเดียว เป็นเหตุผลให้ไม่อยากไปโรงเรียนในสภาพมอมแมม แต่จะไปเรียนเฉพาะวันที่เขาแจกนมถั่วเหลือง แล้วกลับ
ความที่เป็นเด็กจรจัด กลายเป็นเด็กมีปัญหาที่ต้องไปลักขโมยตามเพื่อน พอไม่มีอาหารก็จะไปขออาหารวัดประทังชีวิต เรียกได้ว่าเงินบาทที่สามารถหาได้ด้วยวิธีใดก็จะทำทุกวิธี เพื่อซื้อข้าวกิน มีโกดังเป็นที่ซุกหัวนอน ทำอย่างนี้มานาน 2 ปี จนกระทั่งผู้เป็นแม่ได้กลับมาดูแลอีกครั้ง อยู่กับแม่พร้อมกับเคี่ยวเข็ญให้เรียนหนังสือ พร้อมสอนว่า แม่เองจบก็เพียงแค่ป.4 ไม่มีอะไรเลย แม่ไม่มีอะไรจะให้ มีเงินเพียง 500 บาท ที่หาได้ โดยแม่จะใช้รถเข็นเก็บขยะมาขายโดยตนจะเป็นผู้ช่วย พอจะเข้าไปเรียนเพื่อนก็ไม่อยากคุยด้วย มีแต่คนรังเกียจ ถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กขี้ขโมย จนกระทั่งแม่สอนว่า อย่าคิดเป็นเด็กขี้ขโมย พยายามปลูกฝังในด้านที่ถูกต้อง พร้อมพูดตลอดว่า การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น
แม้ว่าแม่บุษรี จุลเพ็ญ ผู้เป็นแม่วัย 62 ปี เล่าว่าในตอนนั้นประกอบอาชีพเก็บขยะ แต่ก็สามารถสามารถสร้างชีวิตที่ดีขึ้นได้ หากลูกได้เรียนลูกจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ต้องอยู่ให้ได้ คิดว่าเป็นเพียงเด็กหลงทางไปชั่วขณะเท่านั้นเอง
เมื่อจบป.6 ครูใหญ่เห็นว่าตั้งใจเรียน จึงได้โควต้าเรียนต่อ โดยไม่ต้องสอบเข้า โดยแม่จะเก็บขยะตุนไว้เพื่อจ่ายค่าเทอมให้ลูก พอเรียนจบปวช.ก็เรียนต่อปวส.แต่ต้องเรียนที่ จ.สงขลา โดยแม่บอกว่าจะโอนเงินที่ได้จากการเก็บขยะให้เดือนละ 2พันบาท แต่พอสิ้นเดือนแม่โอนมาให้ 500 บาท ก็ไม่รู้สึกโกรธ เพราะรู้ว่าแม่ไม่ไหว แม่ยังโอนเงินมาให้เรากิน กลัวอด จึงเก็บเงิน 500 นั้นไว้ พร้อมกับทำงานที่เซเว่นหาเงินเอง ทั้งเรียน ทั้งทำงาน เรียกได้ว่าต้องใช้เวลาให้คุ้ม จนสุดท้ายจบปริญญาตรีด้วยการดิ้นรนหาทุน มาเป็นอาจารย์ หางาน หาเงินมาแบ่งเบาภาระกับแม่
วันรับปริญญา แม่น้ำตาไหล ด้วยความภาคภูมิใจที่วันนี้ลูกประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ดร.กุลชาติ ก็ขอทุนมหาวิทยาลัยเรียนปริญญาโท แต่ต้องทำงานเป็นครูให้กับทางมหาวิทยาลัย ด้วยความที่ใฝ่เรียนอยากเรียนปริญญาเอก จึงขอทุนไปเรียนเอกที่ญี่ปุ่น การที่ออกไปเรียนเมืองนอก ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ตั้งเป้าว่าเรียนจบเมื่อไหร่จะต้องให้แม่มารับปริญญาลูกที่ญี่ปุ่นให้ได้ โดยมุ่งมั่นว่าเจียดเงินเก็บไว้เป็นค่าตั๋วเครื่องบินให้แม่ และน้องสาว วันที่รับปริญญา เดินออกมาเห็นหน้าแม่ ความรู้สึกคือ อยากเข้าไปกราบเท้าแม่ เพราะที่มาถึงวันนี้ได้ ถ้าไม่มีแม่คงไม่มีถึงวันนี้ จึงก้มลงกราบที่เท้าแม่ด้วยความปลาบปลื้ม
นับว่าเป็นแรงบันดาลใจสำหรับใครที่กำลังท้อแท้ สิ้นหวัง การฮึดสู้ด้วยการลงมือกระทำ พิสูจน์ได้ว่าคนเราสามารถประสบผลสำเร็จได้ด้วยตัวเราเอง อีกทั้งการศึกษาก็เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับชีวิต หาก ดร.กุลชาติไม่มีผู้เป็นแม่คอยเคี่ยวเข็ญให้เล่าเรียน ก็คงจะไม่มีทุกวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น