เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
นางสาวพรทิพย์ จันสะอาด รหัส 52031390165

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จับโรงงานย่านสมุทรสาคร ใช้ 'ปลาปักเป้า' ทำลูกชิ้น

จับโรงงานย่านสมุทรสาคร ใช้ 'ปลาปักเป้า' ทำลูกชิ้น
คณะกรรมการอาหารและยาบุกจับโรงงานลูกชิ้นปลาย่านสมุทรสาคร พบใช้เนื้อปลาปักเป้า เลขาธิการ อย. หวั่นสารพิษในปลาเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค...
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ตรวจสอบโรงงานลูกชิ้นปลาแห่งหนึ่ง ที่ตำบลท่าจีน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ในขณะตรวจพบการผลิตและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อจำหน่ายมีการแสดงฉลาก ไม่ถูกต้อง คือ ไม่แสดงวันผลิต หรือวันหมดอายุ ได้แก่ ปลาเส้นตราปลายิ้ม ลูกชิ้นปลาตราหงส์ทอง ลูกชิ้นปลาตราหนุ่มร้อยแรง และปลาเส้นตราหงส์ทอง เจ้าหน้าที่จึงได้สุ่มเก็บตัวอย่างดังกล่าวและเนื้อปลาแล่เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งจากการตรวจวิเคราะห์พบว่า ตัวอย่างเนื้อปลาแล่ เป็นปลาปักเป้าสายพันธุ์ L.spadiceus และพบปริมาณสารพิษเตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) เท่ากับ 1.01 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ปลาเส้นตราปลายิ้ม พบเป็นปลาปักเป้าสายพันธุ์ L.spadiceus และ Llunaris พบปริมาณสารพิษ เตโตรโดท็อกซิน น้อยกว่า 0.100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ลูกชิ้นปลาตราปลาหงส์ทอง พบเป็นปลาปักเป้า สายพันธุ์ L.spadiceus พบปริมาณสารพิษเตโตรโดท็อกซิน น้อยกว่า 0.100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ลูกชิ้นปลาตราหนุ่มร้อยแรง พบเป็นปลาปักเป้าสายพันธุ์ L.spadiceus แต่ไม่พบปริมาณสารพิษเตโตรโดท็อกซิน และปลาเส้นตราหงส์ทองพบเป็นปลาปักเป้าสายพันธุ์ L.spadiceus และ L.lunaris แต่ไม่พบปริมาณสารพิษ เตโตรโดท็อกซิน อย.จึงได้แจ้งดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ 2 ข้อหา คือ ผลิต อาหารเพื่อจำหน่ายที่มีการแสดงฉลาก ไม่ถูกต้อง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารที่มีเนื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท
เลขาธิการ อย. กล่าวต่อไปว่า ขอเตือนให้ผู้ผลิตระวังในเรื่องของการแสดงฉลาก กรณีไม่แสดงวันผลิตหรือวันหมดอายุ ถึงแม้จะไม่มีเจตนา เช่น เครื่องพิมพ์เสียแต่ก็ต้องมีมาตรการแก้ไขให้สามารถแสดงฉลากได้อย่างถูกต้อง และไม่สามารถอ้างได้ว่าไม่ทราบว่าเป็นปลาปักเป้าเพราะสั่งปลามาจากล้ง เนื่องจากเป็นความรับผิดชอบของผู้ผลิต โดยผู้ผลิตต้องมีมาตรการตรวจสอบหรือสอบถามว่าวัตถุดิบนั้นเป็นปลาปักเป้า หรือไม่ ซึ่งเป็นอาหารที่ห้ามผลิตและจำหน่าย เพราะนอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคอีกด้วย หากผู้บริโภคต้องการซื้อเนื้อปลา ให้เลือกซื้อเนื้อปลาที่คุ้นเคย มีวิธีสังเกตง่ายๆ เบื้องต้น หากเป็นเนื้อปลาแล่ที่เป็นปลาปักเป้า ลักษณะเนื้อจะนูนคล้ายสันในไก่ ไม่ควรเสี่ยงซื้อมาบริโภค กรณีเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อปลา เช่น ลูกชิ้น ปลาเส้น ให้พิจารณาว่าอยู่ในภาชนะบรรจุที่มีฉลากระบุแหล่งผลิต ที่ชัดเจน มีเครื่องหมาย อย.

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จับตาสัปดาห์หน้าหุ้นไทยผันผวนในทิศทางขาลง

จับตาสัปดาห์หน้าหุ้นไทยผันผวนในทิศทางขาลง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดสัปดาห์หน้าดัชนีฯ ตลาดหุ้นยังผันผวนในทิศทางขาลง แนะติดตามการประชุมเฟด-อีซีบี และตัวเลขสหรัฐฯ โดยให้แนวรับที่ 1,172-1,144 จุด และแนวต้านที่ 1,194-1,204 จุด...
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ดัชนี SET อ่อนตัวลง จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,178.01 จุด ลดลง 2.53% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 1.66% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 29,428.39 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 300.12 จุด ลดลง 1.16% จากสัปดาห์ก่อน
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในวันจันทร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้ยุโรปที่เลวร้ายลง หลังรัฐบาลท้องถิ่นสเปนขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง จากนั้นดัชนี SET ปรับขึ้นในวันอังคารและพุธโดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสื่อสาร และธนาคาร ในวันพฤหัสบดี ตลาดปรับตัวลง โดยถูกถ่วงจากแรงขายหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินที่ปรับลดลง ก่อนที่ดัชนีจะฟื้นตัวขึ้นในวันศุกร์ จากแรงซื้อหุ้นรับข่าวประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ระบุว่าพร้อมจะดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็นในการรักษายูโรไว้
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.-3 ส.ค. 2555 บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่าดัชนีคงยังผันผวนในทิศทางขาลง โดยอาจได้รับแรงกดดันจากการปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการบริษัทสำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด ECB และ BOE รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งดัชนีราคาบ้านรายได้ครัวเรือน ดัชนี ISM ภาคการผลิต-บริการ และการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,172 และ 1,144 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,194 และ 1,204 จุด ตามลำดับ.

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นิวยอร์กตื่น! 'สัตว์ประหลาด' เกยตื้นใต้สะพานบรูกลิน

นิวยอร์กตื่น! 'สัตว์ประหลาด' เกยตื้นใต้สะพานบรูกลิน
สัตว์ประหลาด เกยตื้นตายใต้สะพานบรูกลิน ชาวนิวยอร์กแตกตื่น เชื่อเป็น "มอนทอก มอนสเตอร์" ที่เคยโผล่ให้เห็นเมื่อ 4 ปีก่อน...
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 27 ก.ค.ว่า ชาวนิวยอร์กพากันแตกตื่น หลังพบ "สัตว์ประหลาด" รูปร่างหน้าตาน่าเกลียดพิลึก ไร้ขน มี 5 นิ้วเหมือนมนุษย์ เกยตื้นตายใต้สะพานบรูกลิน ต่างขนานนามกันว่า "สัตว์ประหลาดแมนฮัตตัน" รวมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าเป็นสัตว์ชนิดใดกันแน่ ทั้งหนูยักษ์ที่อาศัยอยู่ตามท่อน้ำ หมู หมาขึ้นอืด หรืออะไรที่ดูเลวร้ายกว่านั้น
ภาพดังกล่าวถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ โดย เดนิส กินลีย์ ช่างภาพมือสมัครเล่น ขณะที่เขากำลังเดินเรียบแม่น้ำฝั่งตะวันออก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (22 ก.ค.) ประชาชนบางส่วน เชื่อว่าอาจเป็นจำพวกเดียวกับ "มอนทอก มอนสเตอร์" ที่เคยพบมาก่อนแล้ว ในย่านธุรกิจมอนทอก รัฐนิวยอร์ก เมื่อปี 2008 และมีลักษณะคล้ายกับตัวกัปปะ รวมถึงคล้ายกับสัตว์ประหลาดที่พบครั้งล่าสุดนี้เช่นกัน
ด้านทางการนิวยอร์กไม่ได้ให้ความสนใจกับการค้นพบสุดสยองครั้งนี้ โดยชี้ว่าเป็นเพียงหมูธรรมดาเท่านั้น ซึ่งแย้งต่อสายตาชาวเมืองเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากหมู หรือ สุกร มีกีบเท้าแตกต่างจากสัตว์ประหลาดที่พบอย่างสิ้นเชิง ขณะที่ ดร.พอล เคอร์ทิส ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า แนะว่าอาจเป็นเพียงลูกสุนัขที่ตาย และลอยอืดมาตามน้ำ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้สิ่งมีชีวิตดังกล่าว ยังคงเป็นปริศนาให้ชาวเมืองคาดเดากันไปต่างๆ นานาเช่นเดิม.
เท้าสัตว์ประหลาด เทียบกับกีบเท้าหมู

ฟรอสต์ฯเผยแอร์เอเชียเริ่มให้บริการแท็บเล็ตบนเครื่อง

ฟรอสต์ฯเผยแอร์เอเชียเริ่มให้บริการแท็บเล็ตบนเครื่อง
ผู้โดยสารเครื่องบินได้โอกาสเฮ เมื่อฟรอสต์ฯ เผยข้อมูลระบุ หลายสายการบินเริ่มเปิดให้บริการแท็บเล็ตบนเครื่องบินแล้ว ทดแทนการติดตั้ง IFE ที่เก้าอี้ ทั้งอเมริกันแอร์ไลน์ และแอร์เอเชีย เลือก กาแล็กซี แท็บ ขณะที่แควนตัสใช้ไอแพด...
ปัจจุบัน แท็บเล็ตกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และถูกมองว่าน่าจะมีการนำมาให้ความบันเทิงแก่ผู้โดยสารบนเครื่องบินแทนระบบสารบันเทิงเดิม หรือระบบ IFE: In Flight Entertainment ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการบำรุงรักษาเป็นอย่างมาก โดยเฉลี่ยแล้วอุตสาหกรรมการบินมีค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ประมาณ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี
นายราวี มาดาวาราน ที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมการบิน บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลกเปิดเผยว่า โดยปกติแล้วสายการบินระดับห้าดาวจะอัพเกรดระบบสารบันเทิงบนเครื่องบินทุกๆ 4-5 ปี เพื่อตอบสนองความต้องการที่มากขึ้นของผู้โดยสาร สายการบินแอร์เอเชีย เป็นสายการบินแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการนำแท็บเล็ตมาให้บริการให้ความบันเทิงบนเครื่องบิน ซึ่งถือเป็นบริการเสริมให้กับลูกค้า
break“สำหรับตลาดการให้บริการระบบสารบันเทิงบนเครื่องบิน (IFE) นี้ มีพานาโซนิคเป็นผู้นำตลาด ในขณะที่ซัมซุง ผู้ผลิตแท็บเล็ตชื่อดังอย่างซัมซุง กาแล็กซี แท็บ ยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาด IFE เท่าที่ควร แต่คาดว่าจากเทรนด์ดังกล่าว จะทำให้ซัมซุงสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของตนเองในเซ็กเมนต์นี้ได้ในอนาคตอันใกล้”ที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมการบิน บ.ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน กล่าว
นอกจากนี้ การนำแท็บเล็ตมาให้บริการเพื่อความบันเทิงแก่ผู้โดยสาร ยังจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน Value chain ทั้งหมด ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับสายการบินต้นทุนต่ำ นอกเหนือไปจากการให้บริการอาหาร การทำประกัน และการเลือกที่นั่ง ดังนั้น การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้พัฒนาจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วในสายการบินต่างๆ ไม่ว่าจะสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ และสายการบินแอร์เอเชีย ที่ได้นำเครื่อง ซัมซุง กาแล็กซี แท็บ 10.1 มาเพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสาร ในขณะที่สายการบินแควนตัส ได้นำ ไอแพดมาให้บริการ.

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จิตเสื่อม! คนอยู่เต็มลิฟท์ยังกล้าทำ

           กลายเป็นประเด็นถฏเถียงอย่างกว้างขวาง หลังมีผู้ประสงค์ดีออกมาโพสต์ภาพผ่านทางทวิตเตอร์เตือนภัยหนุ่มโรคจิตช่วยตัวเองในลิฟท์กลางห้างดัง
             เกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวางและกลายเป็นประเด็นร้อนทันที หลังมีผู้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ของ @Chuanpachi โดยมีข้อความพิมพ์กำกับว่า "ฝากแชร์ด้วยค่ะ โรคจิตช่วยตัวเองในลิฟท์ห้างฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต อย่าปล่อยให้มันไปทำเลว ๆ อีก พวกภัยสังคม" สำหรับภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ถูกถ่ายจากกล้องวงจรปิดภายในลิฟท์ เห็นชายไม่ทราบชื่อสวมเสื้อคอปกสีขาวควักอวัยวะเพศของตัวเองออกมาสำเร็จความใคร่ท่ามกลางคนในลิฟท์ที่อยู่กันแน่นขนัด
            อย่างไรก็ตาม หลังมีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวออกไปได้มีคนออกมาแสดงความคิดเห็นประณามชายคนดังกล่าวอย่างเผ็ดร้อน เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไร้ยางอาย และอาจกลายเป็นภัยให้กับสังคมได้

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เผยภาพ 'เหยื่อ' นักร้องดัง 'นิชคุณ' เมาขับชนสภาพหัวแตก

เผยภาพ 'เหยื่อ' นักร้องดัง 'นิชคุณ' เมาขับชนสภาพหัวแตก
เผยภาพของผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ "เมาแล้วขับ" ของนักร้องดัง "นิชคุณ" โดยพยานในที่เกิดเหตุเผยเหยื่อได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก และมีอาการเจ็บรุนแรงที่ไหล่ และบริเวณด้านหลังของร่างกาย...
จากกรณีที่นักร้องชื่อดัง นิชคุณ แห่งทูพีเอ็ม ประสบอุบัติเหตุขับรถชนรถจักรยานยนต์ในอาการเมาแล้วขับ จนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 24 ก.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) บริเวณสี่แยกถนนฮักดอง ของเกาหลีใต้ จากการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของนักร้องหนุ่มวัดได้ที่ 0.056% ซึ่งเป็นระดับที่อาจทำให้เขาถูกระงับใบอนุญาตขับขี่ และเตรียมเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
break ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว พยานผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งได้ตามผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปยังโรงพยาบาล รายงานว่า "เหยื่อถูกชนจนล้มลงที่พื้น ศีรษะมีเลือดออก รถพยาบาลรีบพาเขานำส่งที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยคอนกุก" พยานกล่าวเสริมว่า "คนเจ็บมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงบริเวณไหล่ และด้านหลังของเขาอีกด้วย"


breakอย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันของอาการบาดเจ็บดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงการรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองฝ่ายข่าวด่วนเบื้องต้นยังไม่มีการปักใจเชื่อแต่อย่างไร เนื่องจากหลังเกิดเหตุนิชคุณได้เดินทางกลับบ้านพักในทันที และหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวบริษัทต้นสังกัดของนักร้องหนุ่ม เจวายพี เอนเตอร์เทนเมนต์ ได้ออกมากล่าวขอโทษต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และพบว่าสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้สอดคล้องกับแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้นที่กล่าวหาว่านิชคุณเมาแล้วขับ.

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มาแล้ว "EOS M" กล้องมิเรอร์เลสตัวแรกของแคนนอน

มาแล้ว "EOS M" กล้องมิเรอร์เลสตัวแรกของแคนนอน
แคนนอนได้ประกาศเปิดตัวกล้องดิจิตอล "EOS M" ที่ใช้เซ็นเซอร์ CMOS แบบ APS-C ที่เป็นมิเรอร์เลส ความละเอียด 18 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพนิ่ง และการถ่ายภาพเคลื่อนไหวคุณภาพสูง พร้อมเลนส์ใหม่ 2 รุ่น เตรียมวางจำหน่ายช่วงเดือน ต.ค.2555 นี้...
การผสานที่ลงตัวของการถ่ายภาพนิ่ง และการถ่ายภาพเคลื่อนไหวคุณภาพสูงในขนาดที่กะทัดรัด พกพาสะดวก โดยวันนี้แคนนอนได้ประกาศเปิดตัวกล้องดิจิตอล "EOS M" กล้องที่สร้างมาเพื่อการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ ที่มอบความสามารถในการถ่ายภาพวิดีโอคุณภาพสูงจากเซ็นเซอร์ CMOS แบบ APS-C ที่ก้าวล้ำที่สุดและยังเป็นกล้องแบบไม่มีกระจกสะท้อนภาพ (มิเรอร์เลส) ที่ให้ความละเอียด 18 ล้านพิกเซล ทำให้สามารถได้ภาพที่มีมิติ ชัดลึก-ชัดตื้น เก็บภาพในสภาพแสงน้อย สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้ทุกชอต
ผลิตภัณฑ์ล่าสุดในตระกูล EOS นี้ ยังมาพร้อมกับเลนส์คิตใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ นั่นคือ  EF-M 22mm f/2 STM  และอีกรุ่น คือ EF-M 18-55mm f/3.5-5.6 IS STM นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานเลนส์แคนนอน ตระกูล EF and EF-S lenses ด้วยอแดปเตอร์ เมาส์ของ EF-EOS M. กล้อง EOS M สามารถถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดีด้วยความไวแสง ISO 100-6400 สามารถขยายได้สูงสุดที่ 12800 ใน H mode สำหรับภาพนิ่ง และ ISO 100-12800 ขยายได้ถึง 25600 ใน H mode สำหรับการถ่ายภาพวิดีโอคุณภาพสูง ระดับ HD พร้อมพลังการประมวลผลจากอิมเมจโปรเซสเซอร์ DIGI5 พร้อมทั้งเซ็นเซอร์ CMOS แบบไฮบริดจ์ ทำให้สามารถจับโฟกัสภาพได้รวดเร็วทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ
จอแสดงผลด้านหลังเป็นจอสัมผัสขนาด 3.0 นิ้ว แบบ Clear View LCD monitor II (approximately 1,040,000 dots) เคลือบกันรอย รองรับการสังการแบบมัลติทัช เหมือนการใช้กล้องในสมาร์ทโฟน เพื่อซูมเข้าหรือซูมออกถ่ายภาพมุมกว้าง จึงให้ประสบการณ์การใช้งานใหม่ที่ง่ายในการถ่ายภาพมากขึ้น ในด้านการถ่ายภาพ ผู้ใช้งานยังเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพที่หลากหลายกับโหมดการถ่ายภาพต่างๆ อาทิ  Intelligent Auto ที่ให้การจับภาพที่คมชัด ด้วยการปรับแต่งโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ รวมทั้งการถ่ายภาพในเวลากลางคืน HDR Backlight Controlและ Creative Filters ที่ให้ความสนุกสนานกับฟิลเตอร์ทั้ง 7 แบบ โหมด Multi-shot Noise Reduction ช่วยลดสัญญาณรบกวนขณะถ่ายภาพเมื่อใช้ ISO สูงๆ
นอกจากนี้ กล้อง EOS M ยังรอบรับอุปกรณ์ต่อพ่วง อาทิ แฟลช ตระกูล Speedlite โดยแคนนอนออกแฟลชรุ่นใหม่มาเพื่อกล้องรุ่นนี้โดยเฉพาะ คือ Speedlite 90EX ที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัดพกพาง่าย รวมทั้งอุปกรณ์รุ่นใหม่สำหรับ EOS อย่าง Speedlite 600EX และตัวสั่งแฟลชไร้สาย Speedlite Transmitter ST-E3-RT อุปกรณ์ระบุพิกัดจีพีเอส GPS Receiver GP-E2 ส่วนการ์ดหน่วยความจำ
แคนนอนวางจำหน่ายกล้องดิจิตอล EOS M พร้อมเลนส์คิต EF-M 22mm f/2 STM ในสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือน ต.ค.2555 นี้ สนนราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 799.99 เหรียญสหรัฐฯ โดยกล้องชุดคิตนี้ทำออกมาเป็นพิเศษเพื่อขายในแคนนอนออนไลน์ สโตร์ ที่เว็บไซต์ shop.usa.canon.com. ส่วน เลนส์ใหม่  EF-M 18-55mm f/3.5-5.6 IS STM l เมาท์ อแดปเตอร์ EF-EOS M และแฟลช Speedlite 90EX จะวางจำหน่ายในเดือน ต.ค.เช่นเดียวกัน โดยราคาขายหน้าร้านจะอยู่ที่ 299.99 เหรียญ 199.99 เหรียญ และ 149.99 เหรียญตามลำดับ.

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แอพฯปลอม! ระบาด แนะคนใช้สมาร์ทโฟนอัพเดท-พึ่งแอนตี้ไวรัส

แอพฯปลอม! ระบาด แนะคนใช้สมาร์ทโฟนอัพเดท-พึ่งแอนตี้ไวรัส
เทรนด์ ไมโคร เผยภัยคุกคามบนมือถือเติบโตน่ากังวล วายร้ายไซเบอร์อาศัยระบบเปิดพุ่งเป้าโจมตีแอนดรอยด์ โดย 3 อันดับมัลแวร์ที่พบสูงสุด คือ โปรแกรมปลอม ตัวขโมยข้อมูล และแอดแวร์...
ในยุคเริ่มต้นคอมพิวเตอร์ บรรดาเซียนคอมจัดแจงแสดงฝีมือด้านเทคโนโลยีด้วยการสร้างโปรแกรมไวรัส โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อกวนผู้ใช้รายอื่น แม้จะไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการขโมย ทั้งข้อมูล การทำธุรกรรมหรือเงินอย่างเช่นมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์มุ่งหวังอย่างในปัจจุบัน แต่ก็ดูเหมือนเป็นการจุดประกายให้ผู้ไม่ปรารถนาดีได้พบช่องทางหลอกลวงทรัพย์สินและผลประโยชน์ต่างๆ จากผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต จนกระทั่งในยุคปัจจุบันที่ "สมาร์ทโฟน" เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างแพร่หลาย ทั้งยังมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตซึ่งแม้จะเป็นการเปิดช่องทางเข้าถึงข้อมูลและใช้งานด้านต่างๆ ได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ร้ายอาศัยช่องทางดังกล่าวเข้าใกล้ผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นด้วย
breakเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เทรนด์ ไมโคร อินคอร์ปอเรท บริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ ได้เปิดเผยรายงานล่าสุด ซึ่งพบว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ กำลังประสบปัญหาจากการโจมตีของอาชญากรไซเบอร์และยังมีจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันองค์กรหลายแห่งยังเปิดเผยด้วยว่า การนำอุปกรณ์ส่วนตัวเข้ามาใช้ในที่ทำงานถือเป็นภัยคุกคามด้านไอทีที่เป็นอันตรายอย่างมาก เนื่องจากอุปกรณ์และโทรศัพท์เคลื่อนที่อาจเป็นช่องทางในการเปิดเผยข้อมูลอันมีค่าของผู้ใช้และขององค์กรให้กับบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตหากขาดความระมัดระวังในการใช้งาน
ทั้งนี้ จากรายงานวิจัยข้อมูลของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น (ไอดีซี) ระบุว่า ภายในปีนี้ยอดจำหน่ายทั้งหมดของโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกมีจำนวนเกือบ 1.8 พันล้านเครื่อง เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มียอดจำหน่าย 1.7 พันล้านเครื่อง และคาดว่าภายในสิ้นปี 2559 ยอดจำหน่ายของโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 พันล้านเครื่อง โดยไอดีซียังคาดการณ์ด้วยว่าระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จะยังคงเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนที่มียอดจำหน่ายสูงสุดตลอดระยะเวลา 5 ปีของการคาดการณ์ และระบบปฏิบัติการนี้จะครองส่วนแบ่งตลาดในปีนี้สูงสุดด้วย
breakด้านนายสุรศักดิ์ วนิชเวทย์พิบูล ที่ปรึกษาด้านเทคนิค บริษัท เทรนด์ ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากอุปกรณ์แอนดรอยด์มีการใช้งานแพร่หลาย ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรไซเบอร์อย่างไม่ต้องสงสัย สาเหตุที่ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์กลายเป็นเป้าโจมตีที่ได้รับความนิยมนั้น เนื่องจากโปรแกรมมีลักษณะเปิดกว้างสำหรับทุกฝ่าย สามารถแจกจ่ายได้อย่างอิสระ ซึ่งบริษัทคาดว่าการโจมตีระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จะยังคงเกิดขึ้นตลอดทั้งปีนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังตรวจพบจำนวนมัลแวร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า โดยมีมัลแวร์แอนดรอยด์จำนวน 2 สายพันธุ์ที่รู้จักในวงกว้าง คือ RuFraud9 และ DroidDreamLight10 ได้ทำให้ผู้ใช้นับล้านรายต้องสูญเสียข้อมูล เวลา และเงินทองไปไม่น้อยเลย
สำหรับอันดับมัลแวร์ที่ตรวจพบมากที่สุด ได้แก่ 1.โปรแกรมปลอม (Fake App) มีจำนวนคิดเป็นสัดส่วนสูงสุด 30% 2.ตัวขโมยข้อมูล (Data Stealer) 21% 3.แอดแวร์ (Adware) 18% 4.ตัวลวงการให้บริการพรีเมียม (Premium Service Abuser) 14% 5.รูทเทอร์/แรท (Rooter/RAT) 13% และ 6.ตัวดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย (Malicious Downloader) อยู่ที่ 4%
แม้ว่าภัยคุกคามโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่จะมาในรูปของโปรแกรมที่เป็นอันตราย แต่เทรนด์ ไมโคร คาดการณ์ว่าอาชญากรไซเบอร์จะยังคงพุ่งเป้าโจมตีไปที่โปรแกรมทั่วไป เช่นเดียวกับการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่หรือข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมของนักพัฒนาต่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมยหรือเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้ได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามเทรนด์ ไมโครได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า มีนักพัฒนาโปรแกรมเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ได้ดำเนินการจัดการช่องโหว่ในโปรแกรมของตนและปรับแก้สิ่งที่ผิดพลาดให้สมบูรณ์ก่อนที่จะเผยแพร่โปรแกรม
โดยทั่วไปภัยคุกคามระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่จะมาในรูปของโทรจันหรือหนอนอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาศัยผู้ใช้เป็นตัวกลางในการแพร่กระจาย ขณะที่ภัยคุกคามโทรศัพท์เคลื่อนที่บางอย่างจะเกี่ยวข้องกับสปายแวร์ที่สามารถบันทึกหมายเลขโทรออกและการสนทนาได้ ซึ่งถือเป็นการล่วงล้ำสิทธิส่วนบุคคล อีกทั้งยังสามารถขโมยข้อมูลประจำตัว และทรัพย์สินทางปัญญาขององค์กรได้อีกด้วย นอกจากนี้ภัยคุกคามโทรศัพท์เคลื่อนที่บางอย่างยังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบลูทูธได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาการดำเนินการจากผู้ใช้
breakสำหรับแนวทางในการป้องกันภัยคุกคามระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ที่ปรึกษาด้านเทคนิค ของเทรนด์ ไมโคร ให้คำแนะนำว่า หมั่นปรับปรุงระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนและโปรแกรมแก้ไข (แพชต์) ช่องโหว่สำหรับซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เปิดใช้งานการป้องกันไวรัสในสมาร์ทโฟนอยู่เสมอ นำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการรักษาความปลอดภัยสำหรับพีซีไปใช้กับอุปกรณ์หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณ ขอความช่วยเหลือจากฝ่ายไอทีในกรณีที่เครื่องใช้งานหลักของคุณทำงานช้าลงหลังจากที่ได้ซิงค์ข้อมูลกับสมาร์ทโฟนของคุณแล้ว หรือเลือกใช้โซลูชั่นป้องกันไวรัสสำหรับอุปกรณ์และโทรศัพท์เคลื่อนที่.

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ชง 3 ประเด็นหลักแก้ พ.ร.บ.ครู

ชง 3 ประเด็นหลักแก้ พ.ร.บ.ครู
นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้เสนอเรื่องการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ. 2547 โดยได้นำผลสรุปจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการประชาพิจารณ์ นำเสนอคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญเฉพาะกิจเกี่ยวกับการปรับปรุงและพัฒนากฎหมาย ใน 3 ประเด็นสำคัญคือ 1.ให้ ก.ค.ศ. มีอำนาจตั้ง อ.ก.ค.ศ.ในส่วนราชการและในหน่วยงานการศึกษาที่มิได้สังกัดเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงานบุคคล
เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวอีกว่า 2.การกำหนดการรับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ค่าตอบแทนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค. (2) ไว้ในกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูฯ และ 3. การปรับบทบาทและภารกิจหน้าที่ของ ก.ค.ศ. และสำนักงาน ก.ค.ศ. รวมทั้งกำหนดให้สำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมและเป็นนิติบุคคลเพื่อความคล่องตัวและเกิดประสิทธิภาพในการบริหารงานบุคคล ซึ่ง อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจฯจะเร่งจัดทำรายละเอียด เพื่อนำเสนอ อ.ก.ค.ศ.ที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะนำเสนอบอร์ด ก.ค.ศ.ให้พิจารณาเห็นชอบต่อไป.

ยืดชีวิตของตัวเองให้ยืนยาวได้แล้ว อย่าดูทีวีนานเกินกว่าวันละ 2 ชม.

ยืดชีวิตของตัวเองให้ยืนยาวได้แล้ว อย่าดูทีวีนานเกินกว่าวันละ 2 ชม.
นักวิจัยทางการแพทย์สหรัฐฯ กล่าวแนะนำคนอเมริกันว่า ถ้าหากอยากยืดอายุตนเองให้ยาวออกไปอีก 2 ปี ก็อย่าขืนนั่งดูทีวีให้นานเกินวันละ 3ข่าวด่วนชม. หรือต้องการ ให้อายุยืนแค่ 1 ปีกับอีก 4 เดือน ก็อย่านานเกินกว่าวันละ 2 ชม.
นักวิจัยของศูนย์วิจัยชีวเวช เพนนิงตันได้พบในการศึกษา คนอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่ใช้เวลาแบบนั่งๆ นอนๆ มากถึงวันละประมาณ 7.7 ชม. เท่ากับใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะ “ทั้งที่มีหลายวิธีที่จะลดการนั่งจ่อมอยู่ให้น้อยลง อย่างเช่น ยืนทำงานให้มากขึ้น หรือใช้โต๊ะที่จะต้องยืนทำ ยืนประชุมกัน ลงบันไดไปหาคนข้างล่าง แทนการส่งข้อความ”
นักวิจัยปีเตอร์ คัตซ์มาร์ซิก ยังได้เปิดเผยผลร้ายของการนั่งนานว่า เมื่อตอนเรานั่ง เราจะไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อขา ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกายเลย ทำให้ไม่ได้ลดปริมาณน้ำตาลและไขมันลง ผลการศึกษาส่อว่า การนั่งหรือดูทีวีนาน อาจจะทำให้อายุขัยของคนอเมริกันสั้นลงได้.

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ห่วงผู้หญิงเสพ "ยาไอซ์" เพิ่มขึ้น

ห่วงผู้หญิงเสพ "ยาไอซ์" เพิ่มขึ้น
จากการประชุมวิชาการยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ที่ห้องประชุมอิมแพ็ค คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีข่าวด่วนกล่าวเปิดการประชุมว่า ประเทศไทยมีอายุกว่า 700 ปี แต่กำลังถูกประเทศที่เกิดขึ้นมาทีหลัง เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย แซงหน้าในด้านความเจริญ เพราะประเทศดังกล่าวเน้นพัฒนาคนให้มีคุณภาพ แต่ประเทศไทยกลับมัวแต่สร้างสิ่งก่อสร้าง ปั้นเศรษฐีหน้าใหม่ ทั้งที่ประเทศไทยมีแบบอย่างที่ดีของบุคคลที่มีคุณภาพ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงงานทุกวัน และหากเราไม่ดูตัวอย่างที่ดีและเน้นพัฒนาคุณภาพคน ชาติเราคงล้าหลังและการช่วยบำบัดผู้ที่ติดยาเสพติดก็เป็นทางหนึ่งในการพัฒนาคนที่มีคุณภาพให้ห่างไกลยาเสพติด
ด้าน นพ.วิโรจน์ วีรชัย ผอ.สถาบันธัญญารักษ์ กรมการแพทย์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดด้านการบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ที่ติดยาเสพติด ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2554 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2555 พบข้อมูลที่น่าเป็นห่วงคือ มีตัวเลขผู้ที่เสพยาไอซ์เข้ามารับการบำบัดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงซึ่งจากจำนวนผู้หญิงที่เข้ารับการบำบัดยาเสพติดทั่วประเทศประมาณ 14,355 คน จะมีประมาณร้อยละ 25 ที่เข้ามาบำบัดเพราะติดยาไอซ์ โดยจากการสอบถามผู้ที่เข้ามารับการบำบัดพบว่าขณะนี้เกิดค่านิยมที่ผิดเกี่ยวกับการเสพยาไอซ์ โดยจะเชื่อว่าการเสพยาไอซ์ช่วยให้ผิวขาว เต่งตึง ช่วยลดน้ำหนัก ทั้งที่ความจริงผู้ที่เสพยาไอซ์จะไม่อยากกินอาหารเพียงชั่วคราว เพราะยาไอซ์จะมีฤทธิ์ไปควบคุมการอยากอาหารชั่วคราวและจะกลับมาหิวอีก ส่วนผิวขาวนั้น ต้องบอกซีดมากกว่า เพราะคนติดยาไอซ์จะขาดวิตามิน เกลือแร่.

วิพากษ์ระบบตุลาการ-บล็อกทางอำนาจทักษิณ ?? 'โภคิน พลกุล' ขุนพลเพื่อไท

วิพากษ์ระบบตุลาการ-บล็อกทางอำนาจทักษิณ ?? 'โภคิน พลกุล' ขุนพลเพื่อไทย
หากเอ่ยชื่อ "โภคิน พลกุล" 1 ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ที่มีดีกรีเคยเป็นถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย ตั้งแต่สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลายคนคงต้องยอมรับในความสามารถ โดยเฉพาะความรอบรู้ แม่นยำในเรื่องตัวบทกฎหมาย
โดยเฉพาะประเด็นร้อนๆ ทางการเมืองในตอนนี้ ที่ถูกจุดขึ้นมาใหม่โดย ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เสนอให้ศาลยุติธรรมกลับไปใช้ระบบศาลเดี่ยว ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อ้างว่า น่าจะเป็นระบบที่ดีกว่าระบบ "ศาลคู่" ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ยิ่งช่วงจังหวะนี้ ศาลรัฐธรรมนูญถูกแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนัก ถึงกับถูกเสนอให้ยุบทิ้ง เพราะปรากฏความไม่พอใจจากหลายฝ่าย หลังจากมีคำวินิจฉัย คดีแก้ รธน.ม.291 ของรัฐบาล ไม่ผิด ม.68
สำหรับประเด็นนี้ นายโภคิน ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้รอบรู้ทางกฎหมายของประเทศคนหนึ่ง รวมทั้งมีส่วนทำคลอดก่อตั้ง "ศาลปกครอง" ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของระบบศาลคู่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันโดยตรงมาเองกับมือ มีความคิดเห็นอย่างไร เราไปติดตามกันดู...
-ในฐานะเป็นอดีตผู้พิพากษามาก่อน เห็นอย่างไรกับ ระบบศาลคู่ หรือศาลเดี่ยว และข้อเสนอให้รวมศาล อย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ แสดงความคิดเห็น?
ในความคิดเห็นของผม เรามีศาลในระบบศาลเดี่ยว หรือศาลคู่ก็ได้ เหมือนประเทศเยอรมนีที่มีถึง 5 ศาล ที่ผ่านมา เรื่องเกี่ยวกับศาลยุติธรรม อย่างศาลปกครองที่ผมเคยทำหน้าที่อยู่ เป้าหมายของการตั้งองค์กรอิสระอย่างศาลปกครอง แท้จริงคือช่วยเหลือประชาชนที่มีเรื่องขัดแย้ง หรือเป็นคู่ความกับหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานของรัฐและเอกชน ซึ่งประชาชนเสียเปรียบเรื่องความเข้าใจขั้นตอน และข้อมูลการต่อสู้ทางกฎหมาย
ตอนนั้นผมเป็นคนเสนอเรื่องตั้งศาลปกครองนี้เอง ตั้งแต่ประมาณ 20 ปีก่อน ต้องยอมรับว่า ขณะนั้นก็มีความคิดการต่อต้านกันมาก ตอนนั้นได้คุยกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ขอให้ช่วย ซึ่งท่านเฉลิมก็ช่วยด้วยการบอกว่า "จะไม่ต่อต้านละกัน" ซึ่งท่านก็น่ารักมาก หรือแม้แต่ในศาลยุติธรรมตอนนั้นเอง ก็ไม่เห็นด้วยที่จะมีระบบศาลคู่ เพราะเหมือนเป็นการแบ่งแยกอำนาจ เพราะควรมีศาลเดี่ยว แล้วเมื่อมีการออกรัฐธรรมนูญปี 2540 ขึ้นมา จึงมีการตั้งศาลปกครองขึ้น ซึ่งยอมรับว่าส่วนตัวก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่า สุดท้ายมันดีหรือไม่ดี แต่ยอมรับว่าในช่วงเวลานั้น ผมสนับสนุนตั้งระบบศาลคู่
แต่ประเด็นสำคัญกว่า ผมเห็นว่า คนที่มาทำหน้าที่ตุลาการไม่ใช่ว่าเป็นพวกใคร เป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง แต่สำคัญ เมื่อมาทำหน้าที่แล้วต้องทำหน้าที่อย่างที่พึงกระทำ นายโภคินยืนยันว่า แม้แต่ในสมัยรัฐบาล "ทักษิณ" ก็ไม่มีเรื่องการใช้เงินซื้อตุลาการเป็นพวกได้ มีแต่การกล่าวอ้างว่า คนนี้เป็นพวกคนนั้น คนนั้นรู้จักคนนี้เท่านั้น คือ ถ้าเราไปมองคนว่าเคยรู้จักเป็นพวกกัน ต้องช่วยกัน วันนี้ตุลาการศาล รธน.หลายคนก็เคยรู้จัก เคยเป็นพวกกัน อย่างนี้ก็ไม่ต้องพูด ประเทศนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เมื่อคุณมาทำหน้าที่อยู่ตรงนี้ คุณทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ตรงไปตรงมา คุณทำหน้าที่วินิจฉัยคดีอย่างไม่มีอคติ ใช่หรือไม่? น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า
"แล้วคนเป็นศาลอย่างผมตอนที่ทำหน้าที่เป็นศาล ก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์อะไร แม้มีคนมาถาม ผมก็บอกว่าผมเป็นศาลไม่มีหน้าที่ที่จะพูด ผมจะไม่พูดเกี่ยวกับคดีที่ผมเห็นอยู่ หรือจะต้องตัดสินเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เช่นนั้นอาจจะนำไปสู่ความมีอคติได้ เพราะถ้าเราไปพูดไว้ก่อนอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเกิดมันเป็นไปตามที่พูด แต่ถ้าใครมาถามเราก็ต้องบอกว่าอันนี้ยังไม่เกิดข้อเท็จจริง มันต้องไต่สวนไปตามระบบ แล้วเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแล้ว มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น โดยหลักแล้ว คนมาถามศาลให้อธิบาย ปกติมันทำไม่ได้" นายโภคินกล่าว...
นายโภคิน กล่าวอีกว่า ศาลจึงต้องเขียนคำวินิจฉัยให้กระจ่างชัดในตัวเอง หมายความว่า สมมติมีการสู้คดีทั้ง 2 ฝ่าย อย่างคดีเกี่ยวกับการปกครอง มีการสู้กันระหว่างฝ่ายรัฐบาลและประชาชน เมื่อเราเห็นว่า ฝ่ายประชาชนถูกต้องก็ต้องมีการยกประเด็นการต่อสู้ขึ้นมา แล้วเราซึ่งเป็นศาลก็ต้องมีการหักล้างข้อต่อสู้ทั้งหมด อาจใช้ข้อหักล้างประชาชนก็ได้
แต่ที่เป็นปัญหาคือ ไม่มีการหักล้างประเด็นการต่อสู้ แต่จะหยิบยกเฉพาะประเด็นที่อยากให้ฝั่งที่อยากให้ชนะขึ้นมาอธิบายไปเลย แล้วไม่ชี้แจงให้ชัดเจน ทำให้คนเกิดความสงสัย อยากรู้ว่า ทำไมข้อต่อสู้ที่แย้งไปถึงไม่มีการอธิบาย หลักการของศาลต้องหักล้างประเด็นฝั่งตรงข้ามให้หมด อย่างเช่นจะให้ นาย ก. ชนะ ก็ต้องหักล้างข้อต่อสู้ของ นาย ข.ให้หมด คนจะได้ไม่สงสัย ปัญหาคือการวินิจฉัยไม่ชัดเจน และไม่มีการหักล้างข้อต่อสู้ของอีกฝ่ายหนึ่งเหมือนทุกวันนี้ ที่คนสับสนว่า "อันนี้เป็นคำวินิจฉัย หรือคำแนะนำ"
-แล้วประเด็น การยุบศาล รธน.ที่กลุ่ม "นิติราษฎร์" เสนอความเห็นออกมาล่ะ เห็นเป็นอย่างไร?
กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ไปวินิจฉัยว่า ศาลรธน.สามารถรับคดีได้โดยตรง ตามแบบอย่างประเทศเยอรมนีใช้อยู่ ซึ่งผมเคยเดินทางไปดูงานที่นั่น เค้าก็ยอมรับว่า การรับคดีได้โดยตรงทำให้ยุ่งยากมาก เพราะจะทำให้มีคดีที่ร้องเข้ามา แล้วศาลเองต้องพิจารณาเป็นแสนๆ คดี ทำให้เสียเวลามาก การร้องตรง ในความเห็นตนนั้นต้องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ ร้องในทุกทางแล้ว จึงให้มาร้องต่อศาลเป็นหนทางสุดท้าย โดยต้องมีกฎหมายรองรับด้วย แต่นี่มันยังไม่มีกฎหมายรองรับทำให้เป็นปัญหา เพราะศาลความจริงมีเครดิตอยู่แล้ว คนเชื่อถือความเป็นศาล
"ผมถึงบอกว่า พอเราเป็นศาล เราทำหน้าที่ในพระปรมาภิไธยนะ เราต้องยึดหลักกฎหมาย ยึดรัฐธรรมนูญ เราต้องปราศจากอคติ อย่างตอนผมเป็นตุลาการผมไม่ดูเลยว่า คดีใครฟ้องกับใคร ดูเนื้อหาอย่างเดียว ลองสังเกตว่า อย่างเราถ้าเกิดคดีที่ต้องตัดสินแล้ว เราเกิดไปรู้จักใครที่เป็นคู่คดีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งมีความชอบพอ หรือแม้แต่ความเกลียดชังก็อาจคิดไปก่อนได้ว่า คนนี้มันผิดอีกแล้ว มันกลายเป็นมีอคติ ศาลใช้อารมณ์ไม่ได้ อันนี้คือตรงที่สังคมอยากให้ศาลเป็น ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ"
"ดังนั้นผมจึงเห็นว่าศาลควรมีมากกว่า 1 ศาล หรือน้อยกว่า 1 ศาล อยู่ที่ความเหมาะสมของสังคมแต่ละช่วง ไม่ได้เป็นประเด็นว่ามันถูกหรือมันผิด อำนาจอธิปไตยใช้ผ่าน 3 องค์กรใหญ่ คือรัฐบาล ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งสามารถมีหลายสภาฯ ได้ไม่เป็นปัญหา อยู่ที่ความเหมาะสมของสังคมประเทศในช่วงนั้นๆ  มันตอบไม่ได้อยู่ที่ความเหมาะสมของสังคม ดังนั้นศาลก็แบบเดียวกัน คุณจะมีศาลเดี่ยว ศาลคู่ หรือ 5 ระบบศาล เหมือนประเทศเยอรมนี ก็ตอบยาก อยู่ที่ความเหมาะสม ความเคยชิน ความเข้าใจของคนในสังคม"
นายโภคิน กล่าวต่อว่า ถามผมนะควรมี ศาลรธน.ไหม? ถ้าจะตีความตาม รธน. ระบบคณะตุลาการรธน.แบบประเทศฝรั่งเศสดีกว่า คือต้องให้มีตัวแทนของอำนาจทั้งระบบเข้ามา ทั้งนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ก็ไม่ควรให้องค์กรใดไปชี้ว่า องค์กรอีกองค์กรผิดหรือถูก นี่เป็นไปตามความเห็นตามหลักการนะ คือแต่ละองค์กรใช้อำนาจของเขา ก็ต้องมีตัวแทนแต่ละฝ่ายเหมือนคณะอนุญาโตตุลาการขึ้นมา เพื่อชี้ขาดว่าจะรับคดีนี้ หรือคดีอยู่ในอำนาจพิจารณาหรือไม่ ซึ่งต้องมีตัวแทนจากทุกฝ่ายที่ตั้งขึ้นมา และหาข้อตกลงให้ได้ว่าจะทำอย่างไร
-แล้วที่ช่วงนี้มีอีกฝ่ายพยายามจะบอกว่า เป็นการตัดอำนาจฝ่ายบริหารไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยว โดยเฉพาะการตั้งตุลาการ รธน.หรือองค์กรอิสระอื่นล่ะ?
นายโภคิน ระบุว่า ก็เพราะตอนนี้มันเกิดปรากฏการณ์ "ทักษิณ" ฝ่ายตรงข้ามพยายามที่จะตัดอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ คุณจะตัดอำนาจทักษิณ ซึ่งกลายเป็นว่า ทำให้ระบบโครงสร้างกฎหมายเสียหายหมด ซึ่งมันคนละเรื่องกัน คุณทักษิณก็เป็นคนๆ หนึ่ง เป็นอดีตนายกฯ จะเล่นงานคุณทักษิณ แต่กลับทำลายทุกอย่าง ทำกฎหมายกลับตาลปัตรหมด บ้านเมืองก็เสียหาย
ผมถึงว่า เราต้องไม่นำคุณทักษิณมาเป็นประเด็นแก้ไขปัญหา หรือโครงสร้างของบ้านเมือง ไม่ใช่พอจะต่อต้านทักษิณ ก็ไปยำระบบกฎหมายให้ผิดเพี้ยนจนรวน เละไปหมด เพื่อเป้าหมายเล่นงานคนๆ เดียว คุณทักษิณไม่ได้ทำอะไร ถามว่าเขาได้อำนาจมาจากใคร ได้มาจากประชาชน แล้วถ้าประชาชนเลือกเข้ามาเยอะๆ จะบอกว่า เป็นอำนาจเผด็จการหรือ พอครบ 4 ปี ก็ต้องไปเลือกตั้งกันใหม่ อันนี้จะอธิบายว่าเป็นเผด็จการได้อย่างไร? ผมไม่เข้าใจ แล้วคนยึดอำนาจมา แล้วฉีก รธน.ทิ้ง คุณบอกว่าใช้ได้ ต้องคงไว้นะ รัฐธรรมนูญปี 2550 นี้ มันอธิบายไม่ได้ เห็นไหม?
- อดีตผู้นำสิงคโปร์ นายลีกวนยู หรือ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตผู้นำมาเลเซีย ที่ครองอำนาจประเทศกันยาวนาน ที่อยู่ได้เพราะไม่มีปัญหาเรื่องทุจริตคอรัปชัน แต่กับทักษิณมีปัญหาในเรื่องนี้หรือไม่?
นายโภคิน ระบุว่า ส่วนตัวเห็นว่า ผมก็ไม่ทราบหรอก แต่ประเทศอื่นเขาก็มีเรื่องการทุจริตนะ ทั้งโลกก็มีปัญหาเหมือนกันหมด แต่เอาล่ะ ถ้าคุณหาว่าเค้าโกง คุณก็ต้องดำเนินการไปตามระบบปกติได้ไหม สมมตินะครับ (ย้ำ) "คุณทำเรื่องนี้ตามปกติ แล้วศาลตัดสินผิด คนก็ยังยอมรับ แต่คุณทำเรื่องนี้ไม่ปกติ ถึงตัดสินถูกต้อง คนก็ไม่ยอมรับ" ดังนั้นมันต้องทำไปตามปกติ และถูกต้องทั้งหมดคนถึงยอมรับ
ถามว่าตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปที่ไหนในโลกได้หมด ไม่มีประเทศไหนไปจับ หรือทำอะไรท่านได้เลย ก็แสดงว่า ศาลทั้งโลก คุณธรรมต่ำกว่าประเทศไทยหมดหรือ มันก็ไม่ใช่แล้ว แต่ต้องถามกลับว่า การที่คุณทำลายระบบประเทศไทยเพื่อเล่นงานทักษิณ แต่ท่านก็ยังอยู่ปกติได้ แต่ประเทศไทยเจ๊งหมด เพราะคุณทำลายระบบที่ถูกต้อง ไปเล่นงาน แล้วประเทศได้อะไร ทักษิณเป็นอะไรไหม ก็ไม่เป็นอะไรซักอย่าง แล้วได้อะไรขึ้นมา แล้วเพื่อไทยก็ยังชนะเลือกตั้งตลอด ทั้งที่ตอนเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยก็เป็นฝ่ายค้านทุกครั้ง ก็บอกว่าไปซื้อเสียงมา ใช้อำนาจทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายค้าน ไม่ได้ถืออำนาจรัฐ ส่วนตัวจึงเห็นเป็นการใส่ร้าย และจินตนาการเป็นหลัก บ้านเมืองจะเจ๊ง เพราะการจินตนาการและใส่ร้าย
"เราไม่ชอบนาย ก. นี่เป็นอารมณ์ จะเล่นงานต้องไม่ใช้อารมณ์ ต้องว่าไปตามความถูกต้องในระบบกฎหมายด้วยความเป็นธรรม แต่มาแก้กฎหมายเพื่อเล่นงาน นาย ก. มันก็เจ๊งหมด วันนี้หลักเราคือ อำนาจเป็นของประชาชน ถ้าประชาชนให้อำนาจคุณเยอะ ก็บอกว่าเผด็จการ ประชาชนถูกซื้อ มันก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ทำไมคุณไม่ไปดูบ้างล่ะว่า เหตุที่ประชาชนเลือกเค้าเยอะเพราะอะไร อันนี้แหละที่ต้องไปคิด " นายโภคิน กล่าว…
- สำหรับการลงมติร่างแก้ รธน.วาระ 3 หรือเป็นแบบรายมาตรา มีความเห็นอย่างไีร?
คิดว่าต้องชื่นชม หลายท่านรู้ว่าศาลวินิจฉัยอย่างนี้ ทั้งที่รู้ว่ามันไม่น่าจะเป็น แต่หลายท่านก็พยายาม มาหาทางออกว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มเติม แม้รู้ว่าบางเรื่องมันผิด แต่ถ้าไม่ยอม แล้วไม่พยายามทำความเข้าใจยอมรับ เรื่องมันจะยาวออกไปอีก แต่ตอนนี้กลายเป็นคนที่ถูกพยายามเข้าใจคนที่เข้าใจผิด วันนี้เป็นอย่างนี้ ตรงนี้เป็นความน่ารัก ตอนนี้ก็พยายามจะเข้าใจและไม่ไปตอกย้ำคนที่เข้าใจผิดทั้งที่ตนเองถูก คือ ฝ่ายรัฐบาลแม้รู้ตัวว่าตัวถูก แต่ก็ไม่พยายามไปทุบโต๊ะว่า ตัวเองถูก แต่พยายามไปหาเหตุผลให้เห็นว่า ให้มันเดินไปด้วยกันได้ไหม
ยิ่งในกรณีคำวินิจฉัยของศาลรธน.มันไม่ชัดเจน ที่ว่า แก้รธน.ไม่ให้แก้ทั้งฉบับ แล้วที่ว่าไม่ให้แก้ไขฯ ทั้งฉบับมันเป็นอย่างไร เพราะที่บอกว่าเสนอแนะไม่ควรแก้ทั้งฉบับหมายความว่าอย่างไร เปลี่ยนแค่ พ.ศ.เพียงอย่างเดียวได้หรือไม่ แล้วเนื้อหาใน รธน.แก้ไขสัก 20 มาตรา อย่างนี้เรียกแก้ทั้งฉบับหรือเปล่า หรือแค่ขึ้นอยู่เพียงว่าตั้งให้มีชื่อเป็น รธน.ปี 2550 เท่านั้น ก็ไม่ถือเป็นการล้มล้างการปกครองแล้วหรือไม่ เพราะศาล รธน.ห้ามแก้ไขทั้งฉบับ
-ควรทำประชามติก่อนหรือไม่?
นายโภคิน กล่าวว่า ไม่ทราบว่าควรทำประชามติก่อนหรือหลังดี ถ้าถามผม ทำประชามติข่าววันนี้ มันก็ไม่เสียหาย แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ประชาชนเข้าใจว่าก่อนนะว่า ใช้เงิน 2-3 พันล้าน แล้วให้บ้านเมืองประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ยุติความขัดแย้งได้ ไม่เช่นนั้นมันจะเสียหายหนักกว่านี้ ถ้าปล่อยให้ความขัดแย้งคงอยู่ ถามประชาชนเลยดีกว่าไหม แต่ต้องให้ประชาชนเข้าใจด้วยนะว่า จะถามอะไร คงจะถามได้อย่างเดียวว่า อยากให้มีการแก้ไข รธน.โดยไม่ไปแตะต้องมาตราที่กำหนดใช่หรือไม่ ถ้าตั้งคำถามไป 10 ประเด็นคงไม่ไหว
คงไม่ใช่ว่าเอาประเด็นที่ก็ยังไม่รู้ว่าจะแก้ไขอะไรมาถามคงไม่ได้ เพราะอธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใจหรอกหรือจะถามประชาชนว่า ควรจะให้มี ส.ส.ร. มาร่างแก้ไข รธน.โดยไม่แตะต้องข้อห้าม ซึ่งคนส่วนใหญ่คงเห็นด้วยแน่ ถ้าโอเคก็ให้มี ส.ส.ร.ก็ว่ากันไป อย่าลืมว่า การร่างกฎหมาย รธน.อย่างมาตรา 309 ซึ่งมีการระบุใน รธน.50 ว่า กฎหมายหรือคำสั่งที่คณะปฏิวัติตราไว้จะไปขัดแย้งไม่ได้ แต่ทำไมกฎหมายที่ตรามาจากรัฐสภา สามารถโต้แย้งหรืออาจขัดรธน.ได้ ตกลงกฎหมายคณะปฏิวัติใหญ่กว่าอีก อย่างนี้จะยอมได้หรือ แต่คนไม่พูดถึงเลย
-เห็นอย่างไรมีข่าวว่า คนบ้านเลขที่ 111 เตรียมแต่งเนื้อแต่งตัว จะขอเข้ามาเป็น รมต.ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 3 ที่กำลังจะมีการปรับ ครม.ในระยะเวลาอันใกล้นี้?
อันนี้ไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรคจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ผมไม่รู้เรื่องเลย ไม่เคยเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ ที่เข้ามาทำงาน ก็พยายามดูเรื่องกฎหมาย ใจผมอยากเห็นความยุติธรรม อยากเห็นความสมานฉันท์ อยากเห็นคนทะเลาะกันอย่างไรก็แล้วแต่ ก็จบไปนะ เหมือนอดีตที่บ้านเราเป็น รัฐสภาสมัยก่อน เถียงกันจะตาย เดี๋ยวก็มานั่งกินข้าวด้วยกัน สังสรรค์กัน คือ สังคมไทยมีหน้าที่ เราก็ทำหน้าที่ พอพ้นแล้วเราไม่โกรธกันนะ
วันนี้ไม่มองหน้าโกรธกัน ขว้างปา มันไม่ควร คือความโกรธต้องไม่พัฒนากลายเป็นความเกลียดชัง โกรธได้มันห้ามกันไม่ได้หรอก แต่เราต้องพิจารณาว่าเมื่อโกรธแล้วก็ให้มันจบไป พูดกันด้วยเหตุผล เขาอาจพูดไม่ถูก แต่ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรให้เขาเข้าใจ ถ้ามองอย่างนี้คือความเมตตา
เราว่าเราทำดีแล้วนะ แต่ทำไมด่าเราทุกวัน เราต้องกลับไปคิด สื่ออย่างไรเขาถึงไม่เข้าใจ อย่างนี้ความขัดแย้งจะน้อย แทนที่จะมองว่าเราดี ไอ้นี่ใช้ไม่ได้ มาด่าเราทุกวัน จะต้องหาทางเล่นงานมันให้ได้ จากประสบการณ์ที่ทำงานมา ผมก็กลับมาคิดว่า ผมสื่อสารอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่แน่นอน เมื่อเราสื่อสารออกไป 80% อาจโอเค เหลืออีก 20% อาจไม่เห็นด้วย แต่ในอนาคตอาจจะกลายเป็นคน 20% อาจไม่ยอมรับ แต่อีก 80% อาจยอมรับก็เป็นได้ อันนี้มันเป็นเรื่องปกติ

มาแล้ว เอซุส ทรานฟอร์เมอร์ แพด 3 รุ่นล่าสุด

มาแล้ว เอซุส ทรานฟอร์เมอร์ แพด 3 รุ่นล่าสุด
เอซุส ลุยตลาดแท็บเล็ตอีกระลอก เปิดตัว “เอซุส ทรานฟอร์เมอร์ แพด” รุ่น TF300T/TF300TG และ TF700T ยอดแห่งนวัตกรรมของแท็บเล็ต ด้วยการออกแบบที่โดดเด่น และเทคโนโลยี Full HD ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยซีพียูควอดคอร์ และระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0...break breakบริษัทเอซุส ประกาศเปิดตัว เอซุส แท็บเล็ต ตระกูลทรานฟอร์เมอร์รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมฟีเจอร์เหนือระดับเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้หลากหลาย กับ “เอซุส ทรานฟอร์เมอร์ แพด รุ่น TF300T/TF300TG” และ “เอซุส ทรานฟอร์เมอร์ แพด อินฟินิตี้ รุ่น TF700T” ทั้ง 2 รุ่นจึงเป็นแท็บเล็ตที่มาพร้อมประสิทธิภาพในทุกด้าน การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น ความสามารถหลากหลายของแท็บเล็ตตระกูลทรานฟอร์เมอร์ เหนือระดับด้วย Mobile Dock เพื่อใช้งานแบบโน้ตบุ๊กได้ทันที
เอซุส ทรานฟอร์เมอร์ แพด รุ่น TF300T/TF300TG มาพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY ทัชแพด แบบแยกส่วน หรือ Mobile Dock ลิขสิทธิ์เฉพาะเอซุส ที่เปลี่ยนแท็บเล็ตให้เป็นโน้ตบุ๊กเพียงคลิกเดียว และเพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ได้นานสูงสุดถึง 15 ชั่วโมง พร้อมด้วยระบบปฎิบัติการ Android 4.0 OS (Ice Cream Sandwich) สมองกลอัจฉริยะจาก CPU NVIDIA Tegra 3 แบบควอดคอร์ พื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 32 GB รองรับระบบ 3G (รุ่น TF300TG) กล้องด้านหลังขนาด 8 ล้านพิกเซล กล้องด้านหน้า 1.2 ล้านพิกเซล สำหรับประชุมทางไกลโดยเฉพาะ และยังสามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงระดับ Full HD 1080p ด้วยความบางเพียง 9.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 635 กรัม จึงสะดวกและง่ายต่อการพกพาไปได้ทุกที่ทุกเวลา
ด้าน เอซุส ทรานฟอร์เมอร์ แพด อินฟินิตี้ เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Android 4.0 (Ice Cream Sandwich) เครื่องแรกของโลกที่ให้ความละเอียดสมบูรณ์แบบที่สุดระดับ Full HD 1920 x 1200 Super IPS+ Corning Gorilla glassข่าวด่วน2 พร้อมสมองกลอัจฉริยะจาก  CPU NVIDIA Tegra 3 T33 4-PLUS-1 แบบ Quad-core 1.6GHz พื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 64 GB กับเทคโนโลยี ASUS SonicMaster สุดยอดพลังเสียงสมจริง พร้อมด้วย Mobile Dock คีย์บอร์ด ทัชแพดแบบ Multi-touch เพื่อเปลี่ยนเป็นโน้ตบุ๊กได้ทันที กล้องด้านหลัง 8 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงระดับ Full HD 1080p กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล พร้อมพื้นที่จัดเก็บออนไลน์ฟรีบน ASUS WebStorage ขนาด 8GB และการออกแบบที่เพรียวบางเป็นพิเศษด้วยลวดลายสวยงามแบบ Metallic Spun มีให้เลือกทั้งสีเทา สีทอง ใช้วัสดุอะลูมิเนียมหลอมรูปเพรียวบางเป็นพิเศษเพียง 8.5 มิลลิเมตร หนักเพียง 598 กรัม สะดวกและง่ายต่อการพกพา ตอบสนองทุกการใช้งานที่หลากหลาย.

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โลกาภิวัตน์

โลกาภิวัตน์ 17/07/55
เร่ิมเดินโรงไฟฟ้าปรมาณูใหม่breakช่างในห้องควบคุมโรงไฟฟ้าปรมาณู ที่เมืองโอฮิ ของญี่ปุ่น คอยควบคุมอย่างใกล้ชิด หลังจากเพิ่งเปิดเดินเครื่องเป็นครั้งแรก นับแต่โรงไฟฟ้าปรมาณูได้หยุดเครื่องไว้หมด ตั้งแต่เกิดคลื่นใหญ่สึนามิ ถล่มริมฝั่งมาตั้งแต่ปีกลาย.
ป้องกันการขนอาวุธสังหารหมู่breakเจ้าหน้าที่ของ องค์การนิวเคลียร์และเทคโนโลยี ออสเตรเลีย เข้าร่วมในการซ้อมร่วมกับเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ที่มี ชื่อว่า  “โล่ป้องกันแปซิฟิก 12” ที่ญี่ปุ่นข่าววันนี้เพื่อเพิ่มพูนความสามารถ ในการป้องกันการลำเลียงอาวุธสังหารหมู่ทางอากาศ.
ตรวจเลือดอุรังอุตังbreakเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ ลิงอุรังอุตังของอินโดนีเซีย ช่วยกันเจาะเลือดเจ้าเยติที่สวนสัตว์ทามัน สัตวา ทารุก จารัก เพื่อตรวจสุขภาพ  ลิงอุรังอุตังกำลังลดจำนวนถอยลงทุกที เนื่องจากการบุกรุกทำลายป่า และการลักลอบตัดไม้ นักอนุรักษ์ได้ขู่ว่า หากยังไม่รีบป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ ลิงใหญ่พวกนี้จะเป็นสัตว์ป่าพวกแรกที่จะต้องสูญพันธุ์ลง.
ท่ีเก็บรักษาขยะกัมมัันตภาพรังสีbreakวิศวกรสวิสติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อสำรวจแหล่งซึ่งจะเป็นที่เก็บรักษาขยะกัมมันตภาพรังสี ที่เกิดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศ  และสถาบันการแพทย์ พบว่า ที่ด่านกริมเซล ซึ่งเป็นที่สูง 1,730 เมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเล 450 เมตร อาจจะเป็นที่เหมาะ ขยะเหล่านี้จะต้องถูกเก็บป้องกันเอาไว้เป็นเวลานาน ไม่ให้มีกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกไปภายนอกได้.

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เมื่อ 'พท.-นปช.-นิติราษฎร์' กิน 'ไทลินอล' กับบทส่งท้าย แก้รธน.รายมาตรา

เมื่อ 'พท.-นปช.-นิติราษฎร์' กิน 'ไทลินอล' กับบทส่งท้าย แก้รธน.รายมาตรา
หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้รัฐบาลและพรรคร่วมฯ ไม่ผิดในข้อหา ล้มล้างการปกครองของประเทศ คดีร่างแก้ไขรธน. ม.291 ขัด รธน.ม.68 ถือเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่?  ทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ รอดถูกยุบพรรคไปได้อย่างหวุดหวิด เมื่อวันศุกร์ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
แน่นอนคนทั้งประเทศต่างรู้สึกโล่งอกกับคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ สะท้อนได้จากผลสำรวจโพลของสำนักต่างๆ ที่ประชาชนให้ความคิดเห็น ส่วนใหญ่อยากให้ชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปก่อน  เพราะเห็นว่าเป็นต้นเหตุความขัดแย้งทางการเมืองที่อาจรุนแรงไปถึงขึ้นกลายเป็นสงครามกลางเมือง อย่างที่ นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำนปช.ออกมาดักคอไว้ได้
breakผลคำวินิจฉัยของ ศาลรธน.ที่ตอนแรกใครๆ ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นทางออก และถือเป็นข้อยุติ ซึ่งในความเป็นจริงมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่แล้วกลับไม่เป็นดังคิด เพราะหลังทราบผลคำวินิจฉัยกลาง ของศาลรธน.แล้ว ฝ่ายผู้ถูกร้อง นั่นก็คือรัฐบาลและรัฐสภา กลับมีท่าทีเห็นว่าคำตัดสินของศาลรธน.มีปัญหา ทั้งอ้างว่า คลุมเครือและสับสนนำไปปฏิบัติไม่ถูก ทั้งกรณี ลงประชามติ หรือแก้ไขเป็นแบบรายมาตรา
ถึงขนาดกลุ่มนิติราษฎร์ นำโดย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์  ออกมาเสนอให้มีการยุบศาลรธน.ทิ้ง ด้วยการล่ารายชื่อประชาชน 50,000 รายชื่อ เพื่อยื่นถอดถอนคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แล้วให้ตั้งองค์กรใหม่ ชื่อว่า "ตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญ" ขึ้นมาทำหน้าที่แทน เนื่องจากไม่พอใจศาลรธน.ชุดปัจจุบันทำหน้าที่ไม่มีความเป็นกลาง รวมทั้งกลุ่มนิติราษฎร์ ยังออกมาเชียร์ให้รัฐสภา ใช้ความกล้าหาญ ลงมติแก้รธน.วาระ 3 สวนคำ เสนอแนะ ศาลรธน.ไปเลย
breakซึ่งก็ขานรับทันที นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะแกนนำ นปช.ออกมาระบุ ว่า เห็นสมควรให้ประชาชน ทำประชามติยุบศาลรธน.เลยหรือไม่? และส่วนตัวก็สนับสนุนให้ลงมติแก้รธน.ในวาระ 3 
ขณะที่หากสังเกตกันให้ดี ฝ่าย ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กลับยืนยันหัวชนฝา ไม่เห็นด้วยกับแกนนำนปช. หรือกลุ่มนิติราษฎร์ ที่เสนอให้สภาฯใช้ความกล้าหาญ ลงมติฯในวาระที่ 3 ไปแลย  นักการเมืองที่มีประสบการณ์สูง ทั้ง 2 คน กลับเห็นพ้องให้รัฐบาลเพื่อไทยใช้วิธีแก้ไข รธน.เป็นรายมาตรา ทั้งร่ายเหตุผลว่า ดีกว่า ไม่สุ่มเสี่ยง เรื่องอาจกลับไปสู่ศาลรธน.อีกครั้ง รวมทั้งยังประหยัดเวลาและเสร็จเร็วกว่าด้วย
break“ผมวอนเพื่อนสมาชิกพรรคเพื่อไทย วันนี้ท่านทั้งหลายต้องรู้ว่าเราเป็นรัฐบาล อะไรก็ตามที่สงบนิ่งมันจะเป็นผลดีให้ท่านนายกฯบริหารราชการด้วยความราบเรียบ เราไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะช้า 3 – 6 เดือน ไม่เป็นอะไร ยังทำได้ วันนี้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้แก้ไขเป็นรายมาตรามันจะเร็วยิ่งกว่า ตั้งส.ส.ร. และพอแก้ไขเป็นรายมาตราเสร็จ ก็ไม่ต้องทำประชามติ เสร็จเร็วกว่าการจะดื้อดึงลงมติวาระ 3 ที่อาจมีคนไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญอีก เดี๋ยวก็ต้องไปกินไทลินอลกันทุกเช้า วันนี้เมื่อศาลบอกแก้ได้เป็นรายมาตราได้ก็ง่ายแล้ว” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยความมั่นใจอีกว่า เขาไม่ค่อยเชื่อตน ถ้าเชื่อตั้งแต่ต้นก็ไม่ต้องมานั่งกินไทลินอล แต่คนที่เชื่อก็พอมี ทั้งนี้หลายคนที่อยู่กับพรรคมานานเขามองตนเป็นคนใหม่ ไม่ได้มองว่าตนเล่นการเมืองมาตั้งแต่ปี 2526 อย่างไรก็ตาม ในพรรคมีคนเก่งเยอะ เหมือนเรือที่แย่งกันพาย บางทีก็พายหัวพายท้าย เรือเลยไม่ไปไหน ล่มคงไม่ล่ม พรรคใหญ่เหมือนเรือใหญ่ เวลาจะเปลี่ยนทิศทางหรือกลับลำมันก็ช้า แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพรรคเป็นประชาธิปไตย
break“ถ้าเรายกร่างเป็นรายมาตราแก้ไขง่ายกว่า ส.ส.ร.ใช้เวลา 180 วัน แต่นี่ไม่ถึงหรอก ระยะนี้ใกล้จะปรับครม.ก็แสดงความเห็นกันมาก ออกแอ็กชั่นกันเยอะ ถ้าให้ผมร่างท้ายที่สุดก็แค่ 90 วัน มันไม่ยาก เราต้องตั้งประเด็น 1 2 3 ว่าจะแก้อะไรและก็เดินไป  แต่เมื่อศาลชี้มา อย่างนี้ก็อย่าไปเถียงกับเขา เราก็ทำในสิ่งที่เขาบอก ให้ร่างเป็นรายมาตราเขาก็พูดไม่ได้แล้ว แต่ถ้าเกิดไปลงมติในวาระ 3 ปัญหาเกิดแน่ ผมอ่านไม่ผิดหรอก หากให้ผมทำ ผมมีทีมงาน 3-4 คน รวมทั้งนายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา แค่นี้ก็เรียบร้อยไม่มีปัญหา”
ขณะที่ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กลับเห็นขัดแย้งกับ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่ระบุว่าควรปฏิบัติตามคำแนะนำของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คือให้ทำประชามติก่อนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หรือให้ ส.ส. ส.ว. เสนอแก้ไขเป็นรายมาตรา ส่วนตัวเห็นว่าไม่สามารถนำมาปฏิบัติในชั้นนี้ได้และมองว่าในฐานะประธาน รัฐสภาไม่ควรแสดงความเห็นออกมา ซึ่งในหลักการของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 (5) ระบุไว้ว่าเมื่อพิจารณาวาระสองเสร็จสิ้นแล้วให้รอไว้ 15 วัน ก่อนที่จะลงมติในวาระ 3
breakดังนั้นเมื่อพิจารณาประเด็นนี้ รัฐสภาสามารถลงมติใน วาระ 3ได้ นอกจากนั้นคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ข้อแนะนำว่าควรทำประชามตินั้น ถือเป็นการแสดงความเห็น ไม่มีสภาพบังคับ และความเห็นของรัฐสภาอาจแตกต่างกับของพรรคเพื่อไทย ได้แต่คงต้องรอการหารือกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยก่อน 
"ต้องคุยกันให้จบ ไม่ใช่ปล่อยคาราคาซัง เพราะหากเราลงมติในวาระ 3 ไป อาจมีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกส่วนที่ต้องทำประชามติปัญหาคือจะทำช่วงไหน ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนเอาไว้หากจะทำประชามติทั้งก่อนและหลังโหวตวาระสาม ถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท จึงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำถึง 2 ครั้ง" รองประธานสภาฯ กล่าว
breakส่วน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่แนบข้อเสนอแนะให้ไปทำประชามติ ก่อนหากจะแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพราะเมื่อพิจารณาดูรัฐธรรมนูญมาตรา 165 เกี่ยวกับการทำประชามติแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้ในข้อเท็จจริง เพราะมีการกำหนดว่าการออกเสียงประชามติเพื่อให้ได้ข้อยุติจะต้องได้เสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง ไม่ใช่เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ ซึ่งขณะนี้ประชากรไทยที่มีสิทธิเลือกตั้งและออกเสียงประชามติอยู่ 42 ล้านเสียง เสียงข้างมากจะต้องได้เกิน 21 ล้านเสียง
ดังนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะขนาดสมัยพรรคไทยรักไทยที่ได้ ส.ส.ถึง 378 คน ยังได้แค่ 19 ล้านเสียง การวินิจฉัยเช่นนี้เท่ากับไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับถือ เป็นการเขียนรัฐธรรมนูญแบบหมกเม็ดของคณะผู้ยกร่างฯ เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการวางยาของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ นายยุทธพงศ์ตอบว่า เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญคงดูในหมวดนี้แล้ว ถึงได้มีข้อเสนอแนะดังกล่าว
breakที่รวบรวมมานี้ ขนาดยังเป็นแค่ความคิดเห็นเบาะๆ ของคนภายในพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงนปช.กันเอง ชัด ปรากฏความขัดแย้งความคิดเห็นไม่ตรงกันอย่างกว้างขวาง เมื่อวานที่ประชุมใหญ่ ส.ส.เพื่อไทย ถกกันกว่า 3 ชั่วโมง สุดท้ายมีมติให้พรรค ลุยแก้รธน.ได้ แต่ยังไร้ข้อสรุป โหวตลงมติวาระ 3 หรือไม่?ข่าวด่วนหรือจะแก้ไขเป็นรายมาตรา ขอรอศึกษาคำวินิจฉัยส่วนตัวของคณะตุลาการศาล รธน.แต่ละคนมาประกอบ เข้าทำนองซื้อเวลาดูท่าทีคนในพรรคไปพลางก่อน      
แต่ทั้งนี้หากเชื่อที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ออกมาระบุ ความเห็นส่วนตัว เห็นด้วยที่จะให้พรรคเพื่อไทยแก้ รธน.เป็นรายมาตรา หลังยืนยันว่า ได้โทรศัพท์คุยกับ "นายใหญ่" แล้ว ซึ่งท่านบอกว่า ยอมรับมติฯศาลรธน. แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็เห็นว่าหากดึงดันไม่ปฏิบัติตามศาลรธน. เรื่องก็คงไม่พบ ชัดเจนว่า ส่งซิกกันเป็นนัย
breakถ้าจะยึดตามสัญญาณนี้ ก็คงไม่แปลก ที่สุดท้ายหวยน่าจะออกที่ "แก้รธน. เป็นรายมาตรา" มากที่สุด นั่นเพราะใครๆ ก็ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานะอะไรในพรรคเพื่อไทย ส่วนหากท้ายที่สุดไม่เป็นไปตามคาด นั่นก็อาจเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดเปลี่ยนใจ  หรือไม่ ก็อาจไม่มีการโทรศัพท์พูดคุยกับนายใหญ่เพื่อไทย มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็เชื่อว่า คงจะไม่เป็นเช่นนั้นเป็นแน่...

Samsung Galaxy Beam เครื่องฉายภาพแบบ HD Projector


- เครื่องฉายภาพแบบ HD Projector ในตัว รองรับการฉายภาพที่ความละเอียดสูงสุดระดับ nHD (640x360 Pixels) พร้อมความสว่าง 15 Lumen
 
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 800x480 Pixels (WVGA : กว้าง 4.0 นิ้ว : 233 ppi) พร้อมแบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 2000 mAh
 
- ประมวลผลการทำงานด้วย Dual-Core Cortex-A9 ความเร็วในการประมวลผล 1 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 2.3 (Gingerbread)
 
- เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ WiFi, HSDPA, EDGE หรือ GPRS พร้อมทั้งสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่รองรับเครือข่ายแบบ DLNA ได้
 
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels (2592x1944 Pixels) พร้อมกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 1.3 ล้าน Pixels (1280x1024 Pixels) 
ระบบปฏิบัติการ (OS, CPU)

วธ.เล็งฟัน 'ร้านเกม' แหกกฎ เปิดก่อน-เกินเวลา

วธ.เล็งฟัน 'ร้านเกม' แหกกฎ เปิดก่อน-เกินเวลา
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เผยพบร้านเกมแหกกฎ เปิดก่อน-เกินเวลา แถมใบอนุญาตหมดอายุ เสนอ 4 แนวทางล้อมคอกสารพัดปัญหา...
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า จากการประชุมหารือประเด็นปัญหาการดำเนินงานของ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ซึ่งเชิญผู้ตรวจราชการ วธ. ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและวัฒนธรรมจังหวัด สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) เพื่อให้แต่ละ สวจ.เสนอปัญหาการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ โดยปัญหาที่เสนอมาและอยากให้เร่งดำเนินการ อาทิ พบว่าผู้ดูแลร้านเกม ร้านวีดิทัศน์ขาดความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมาย ทำให้ผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ส่งผลให้เกิดปัญหาเปิดให้บริการเกิน และก่อนเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้ทบทวนเรื่องระยะเวลาการครอบครองใบอนุญาตร้านเกมและร้านวีดิทัศน์ เนื่องจากพบว่าข่าววันนี้อายุของใบอนุญาตนานเกิน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะมีบางรายยกเลิกกิจการก่อนครบเวลาครอบครอง โดยไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้สรุปแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวเบื้องต้น 4 ด้าน ดังนี้ 1.ให้ สวจ.เร่งบูรณาการการทำงานร่วมกับเครือข่ายที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงาน เจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ให้มากกว่านี้ 2.จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานที่เข้าใจง่ายต่อการปฏิบัติงาน เช่น ขั้นตอนการออกตรวจสถานประกอบกิจการ แนวทางการปฏิบัติงานในการขอใบอนุญาต และ 3.อบรมให้ความรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้องแก่เจ้าหน้าที่ และผู้ประกอบกิจการตาม พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 4.นำเสนอปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นทั้งหมดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและนายทะเบียนจังหวัด เพื่อร่วมกันทำงานแก้ปัญหาโดยใช้กฎหมายบังคับให้ตรงจุด ทั้งนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุด ประกอบด้วย รองปลัด วธ. ผู้ตรวจราชการ วธ. รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และผู้แทนของ สวจ.ทำหน้าที่ศึกษาปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น

ไทยเตรียมรายงานปรับกำลังทหารส่งศาลโลก

ไทยเตรียมรายงานปรับกำลังทหารส่งศาลโลก
รมว.กลาโหม เตรียมรายงานปรับกำลังทหารต่อศาลโลก ยืนยันทำตามมติศาลโลก ไม่ทำให้รูปคดีเสียเปรียบ จวกพวกที่พูดลอยๆ นิสัยเสียไม่เป็นผลดีต่อชาติ เชื่ออนาคตสองชาติร่วมมือกันได้ ไม่กังวลทหารเขมรแต่งชุด ตชด.
เมื่อวันที่ 16 ก.ค.  พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวหลังการประชุมร่วมกับ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร เสนาธิการทหาร พล.ท.จีระศักดิ์ ชมประสพ แม่ทัพภาคที่ 2 ถึงการปรับกำลังทหารตามชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหารว่า ในวันที่ 18 ก.ค.ตนจะเดินทางไปที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นประธานการปรับกำลังทหารและให้โอวาทกับกำลังพลและเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ในฝั่งไทย อีกทั้งไม่ได้หารือกับ พล.อ.เตีย บันห์ข่าววันนี้รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพราะการปรับกำลังเป็นเรื่องของเขา
รมว.กลาโหม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทราบว่าทางกัมพูชาจะอยู่บริเวณตีนเขาพระวิหาร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ได้หารือในรายละเอียดของการปรับกำลัง ซึ่งกัมพูชาบอกว่าจะปรับลักษณะไหนจำนวนเท่าใด แต่ของไทยจะปรับในลักษณะที่เท่ากันเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น เราคงบอกไม่ได้ว่าปรับเท่าไร แต่เราส่งรายงานให้ศาลโลกรับรู้ มันเป็นเทคนิคของแต่ละฝ่าย ส่วนกัมพูชาประกาศตัวเลขจะถอนทหารจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งเป็นการผูกมัดว่าต้องทำหากไม่ทำคนก็จะเห็นเอง ส่วนของเราไม่ต้องประกาศมาก
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวอีกว่า การปรับกำลังเพื่อลดความกดดันลง โดยดำเนินการพร้อมกัน ส่วนที่เกรงว่ากัมพูชาจะนำทหารมาสวมเครื่องแบบ ตชด.นั้น ก็คงจะต้องให้หน่วยในพื้นที่ดูว่าเป็นอย่างไร เป็นข้อกังวลที่อยู่ในใจอย่าไปกังวล ขณะนี้เราจะไม่โจมตีเขาก่อนเมื่อข้อตกลงเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ถ้ากัมพูชาทำตามที่พูดทุกอย่างจะดีขึ้น เราพยายามทำตามมติของศาลโลก หน้าที่ของผมคือทำตามมติศาลโลกให้ดีที่สุด และไม่ทำให้รูปคดีเสียเปรียบ เราคงทำอะไรไม่ได้ คนในประเทศต้องให้กำลังใจกัน ทางฝ่ายความมั่นคงจะไม่ยอมให้ไทยเสียอธิปไตย ยิ่งตอนนี้มีคนชอบพูดพล่อยๆ พูดไปเรื่อยให้เป็นประเด็น อย่างเช่นเรื่องวีซ่าก็พูดกันไป พอจบแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาขอโทษ ก็มันปากกันไป
เมื่อถามว่า หากต้องถอนทหาร จำเป็นต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามมาตรา 190 หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ต้องดูว่าเข้าข่ายมาตรา 190 หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน บางเรื่องไม่ควรนำเข้ายังต้องเข้าเลย อย่าเล่นกันมากเกินไปเลยทำอะไรไม่ค่อยคล่อง ถ้าคุยกันแล้วว่าต้องนำเข้าก็ต้องนำเข้าสภา ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่ามีความพยายามโยงให้เป็นประเด็นการเมือง รมว.กลาโหม กล่าวด้วยว่า ที่มีคนพูดว่ามีผลประโยชน์นั้น ตนอยากถามว่าคืออะไร อย่าพูดลอยๆ ออกมา พูดอย่างนี้นิสัยเสีย ไม่ดีต่อประเทศชาติ เรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติและความมั่นคง ตนถามว่า จะไปแลกกับอะไร เราทำให้เท่าเทียมกันสองฝ่าย การไปคิดเช่นนั้นไม่ใช่อารยประเทศคิด

'กิตติรัตน์' ยันขึ้นก๊าซหุงต้ม แต่ทยอยปรับราคา

'กิตติรัตน์' ยันขึ้นก๊าซหุงต้ม แต่ทยอยปรับราคา
“กิตติรัตน์” ยันรัฐบาลขึ้นราคาก๊าซหุงต้มแน่ แต่ค่อยเป็นค่อยไป ส่วน 16 ส.ค.นี้ขึ้นหรือไม่ กำลังพิจารณาอยู่ ด้าน “พาณิชย์” แนะให้ขึ้นราคาในภาคที่กระทบน้อยสุดก่อน อย่างขนส่ง-อุตสาหกรรม ระบุ ขึ้นโลละบาท ต้นทุนข้าวแกงขึ้นแค่จานละสลึง
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยถึงนโยบายการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนว่า รัฐบาลจำเป็นต้องปรับขึ้นแน่นอน เพื่อให้ใกล้เคียงกับราคาในตลาดโลก หลังจากรัฐบาลที่ผ่านมา ได้อุดหนุนเป็นเวลานาน จนทำให้ราคาของไทยบิดเบือนจากราคาตลาดโลกไปมาก อย่างไรก็ตาม หากจะปรับขึ้นคงต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ปรับขึ้นครั้งเดียวจนเต็มเพดานราคาแน่นอน เพราะจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนเกินไปข่าวด่วนส่วนในวันที่ 16 ส.ค.นี้ ที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะปรับขึ้นนั้น ไม่ทราบว่าข่าวมาจากที่ใด แต่ขณะนี้เป็นไปได้ว่า วันที่ 16 ส.ค.นี้ รัฐบาลอาจปรับขึ้นหรือไม่ก็ได้ เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาผลกระทบอย่างรอบด้าน
“ขอย้ำว่า รัฐบาลต้องปรับขึ้นราคาแอลพีจีแน่นอน เพื่อทำให้ราคาในประเทศเป็นไปตามราคาตลาดโลก แต่ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม โดยเฉพาะจะต้องไม่กระทบกับประชาชนผู้ใช้ก๊าซมากเกินไป และต้องไม่กระทบกับภาวะเงินเฟ้อในประเทศด้วย ซึ่งเงินเฟ้อของไทยในปีนี้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม คือ เงินเฟ้อพื้นฐาน และพลังงานออกจากคำนวณในปีนี้ของไทยตั้งเป้าอยู่ที่ 0.5-3.0% ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปไม่เกิน 1.5-4.5% ถ้าหลุดจากกรอบนี้ต้องควบคุม” นายกิตติรัตน์ กล่าว
ด้านนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หากรัฐบาลจะขึ้นราคาแอลพีจี ต้องการให้ปรับขึ้นในภาคที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดก่อน เช่น ภาคขนส่ง หรือในภาคอุตสาหกรรม เพราะมีการใช้น้อยกว่าภาคครัวเรือน อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์คำนวณเบื้องต้นแล้วว่า ถ้าจะขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน 20-30% ตั้งแต่เดือน ส.ค.นี้จนถึงสิ้นปี จะทำให้เงินเฟ้อปรับขึ้นทันที 0.037% หรือจะทำให้เงินเฟ้อในปีหน้าทั้งปีเพิ่มขึ้น 0.11% รวมถึงจะทำให้ต้นทุนการผลิตอาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นทันทีจานละ 0.25% หรือประมาณ 25 สตางค์เท่านั้น ซึ่งไม่มีผลทำให้ผู้ค้าอาหารปรุงสำเร็จต้องปรับขึ้นราคาขาย

ซิสโก้เฟ้นนักพัฒนาดีไซน์แอพฯ เราท์เตอร์ พลิกโฉมโฮมเน็ตเวิร์ก

ซิสโก้เฟ้นนักพัฒนาดีไซน์แอพฯ เราท์เตอร์ พลิกโฉมโฮมเน็ตเวิร์ก
ซิสโก้ เปิดโอกาสนักพัฒนาร่วมออกแบบแอพพลิเคชั่นและบริการใหม่สำหรับเราท์เตอร์ Smart Wi-Fi จากลิงค์ซิส สร้างสรรค์ประสบการณ์ CONNECTED รูปแบบใหม่สำหรับผู้บริโภค...
เมื่อเร็วๆ นี้ ซิสโก้ เปิดตัวโครงการนักพัฒนาของลิงก์ซิส (Linksys Developer Community) เพื่อสนับสนุนนักพัฒนาในการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นสำหรับเราท์เตอร์ Smart Wi-Fi รุ่นใหม่จากลิงก์ซิส โดยในเบื้องต้น ซิสโก้เปิดเผยว่ามีนักพัฒนา 6 ราย ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว และได้เผยแพร่ผลงานสำหรับเราท์เตอร์ Smart Wi-Fi จากลิงก์ซิส โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายนักพัฒนาของซิสโก้ (Cisco Developer Network) ในการเชื่อมโยงซิสโก้เข้ากับนักพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่ผ่านการทดสอบการใช้งานร่วมกันให้แก่ลูกค้า ซิสโก้ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีโฮมเน็ตเวิร์กได้จัดจำหน่ายเราท์เตอร์ภายใต้แบรนด์ลิงก์ซิสไปแล้วกว่า 70 ล้านเครื่องทั่วโลก
ทั้งนี้ เราท์เตอร์ Smart Wi-Fi จากลิงก์ซิสขับเคลื่อนด้วยสถาปัตยกรรมคลาวด์ที่โดดเด่น โดยนักพัฒนาจะสามารถใช้สถาปัตยกรรมดังกล่าวในการสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับอุปกรณ์คอมซูมเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท โครงการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความสะดวกในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นโดยอาศัยชุดเครื่องมือสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer Kit : SDK) พร้อมด้วยคำแนะนำและโค้ดตัวอย่าง
นายวิคัส บิวทานีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์สำหรับโฮมเน็ตเวิร์ก ซิสโก้ กล่าวว่า บริษัทอยู่ในช่วงเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับโฮมเน็ตเวิร์ก เพื่อมอบประสบการณ์แปลกใหม่ให้แก่ผู้บริโภค นักพัฒนาจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยอาศัยแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ใหม่ของซิสโก้ รวมถึงโครงการ Linksys Developer Community จากแอพพลิเคชั่นที่เรียบง่าย เช่น การจัดการระบบต่างๆ ภายในบ้าน ผ่านการเชื่อมต่อระยะไกลไปจนถึงโซลูชั่นที่ซับซ้อน
ทั้งนี้ นักพัฒนาหลายรายได้ตรวจสอบรับรองแพลตฟอร์ม Linksys Developer Community ด้วยการใช้ SDK และเครื่องมือต่างๆ จากซิสโก้ เพื่อเพิ่มความสะดวกและเร่งการพัฒนาแอพพลิเคชั่น และผลลัพธ์ที่ได้คือ 6 แอพพลิเคชั่นใหม่ที่เป็นผลงานการพัฒนาของ Axentra Corporation , Fresh Consulting LLC , Gemini Solutions Inc. , PacketVideo Corporation , Stratedge Adroitent J.V. และ Xoriant Corporation แอพพลิเคชั่นเหล่านี้จะรองรับประสบการณ์การใช้งานที่แปลกใหม่ เช่น การเชื่อมต่ออุปกรณ์โดยคลิกเพียงหนึ่งครั้ง การควบคุมการเข้าถึง และการแชร์สื่อต่างๆ โดยเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ใหม่ๆ มากมายที่ผู้ใช้จะได้สัมผัสผ่านทางเราท์เตอร์ Smart Wi-Fi ของลิงก์ซิส
นอกจากนี้ ซิสโก้ได้เผยโฉมแพลตฟอร์มคลาวด์รุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้ชื่อ Cisco Connect Cloud ซึ่งพร้อมใช้งานสำหรับเราท์เตอร์ Smart Wi-Fi จากลิงก์ซิส แพลตฟอร์มข่าววันนี้Cisco Connect Cloud จะเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ในการเชื่อมต่อ ควบคุม และโต้ตอบกับอุปกรณ์ด้านความบันเทิง รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน นับเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ ‘CONNECTED’ รูปแบบใหม่ผ่านทางแอพพลิเคชั่นและการบริการ
นักพัฒนาที่สนใจสามารถเยี่ยมชม Linksys Developer Community ได้ที่ http://developer.cisco.com/web/ldc เพื่อลงทะเบียนและร่วมพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับเราท์เตอร์ Smart Wi-Fi จากลิงก์ซิส โดยซิสโก้จะจัดหาทรัพยากรทางด้านเทคนิค การตลาด และการขาย เพื่อสนับสนุนขั้นตอนของกระบวนการพัฒนาและการดำเนินธุรกิจ.

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ตั้งคณะพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญแทน ลั่นเดินหน้าสนับสนุนสภา เดินหน้าลงมติวาระ 3


รายงานข่าวแจ้งว่า นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ในฐานะแกนนำคณะนิติราษฎร์ ได้ออกแถลงการหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ยกคำร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โดยระบุว่า การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมา มีการใช้อำนาจในลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ ด้วยการตีความให้มีอำนาจรับคำร้องวินิจฉัย ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 68 ได้โดยตรง รวมถึงมีคำสั่งชะลอการลงมติ วาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พร้อมกันนี้คณะนิติราษฎร์ ยังได้เสนอให้มีการเข้าชื่อประชาชน 50,000 รายชื่อ เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยุบเลิก คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และให้จัดตั้งคณะตุลาการพิทักษ์ระบอบรัฐธรรมนูญ ขึ้นมา ทำหน้าที่แทนจนกว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยแล้วเสร็จ ทั้งนี้ ยังแนะให้ รัฐบาล เดินหน้าลงมติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยแล้วว่า ไม่เข้าข้ายล้มล้างการปกครอง

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โอลิมปัสโชว์ต้นแบบ “แว่นอัจฉริยะ”


  หลังจากกูเกิลเปิดตัว “Project Glass” แว่นอัจฉริยะ เทคโนโลยีเสมือนจริงเมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ายักษ์ใหญ่โลกเทคโนโลยีหลายค่ายจะขานรับว่ากำลังง่วนกับการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะหรือระบบประมวลผลที่สามารถสวมใส่ได้ (wearable computing) อยู่เช่นกัน ล่าสุดโอลิมปัส (Olympus) เปิดตัวต้นแบบแว่นตานามว่า “MEG 4.0” ซึ่งการันตีว่าชาวไอทีจะสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน
       
       แว่นตาไฮเทคของโอลิมปัสนี้มีชื่อว่า MEG4.0 ถูกนิยามว่าเป็นต้นแบบจอภาพขนาดจิ๋วพิเศษที่สามารถสวมใส่ได้ หรือ ultra-compact wearable display prototype การเปิดตัวครั้งนี้เป็นความคืบหน้าล่าสุดของโอลิมปัส หลังจากสำนักข่าว Engadget เคยรายงานในปี 2005 ว่าโอลิมปัสเป็นบริษัทล่าสุดที่ลงทุนพัฒนาสินค้าประเภทหน้าจอสวมใส่ได้
       
       ต้นแบบแว่นตาอัจฉริยะของโอลิมปัสสามารถแสดงภาพความละเอียด QVGA ขนาด 320x240 พิกเซล ตัวแว่นสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาทั้งแท็บเล็ตและโทรศัพท์มือถือได้ผ่านระบบไร้สาย Bluetooth ระบบแสดงผลสามารถโชว์ภาพโปร่งใสเพื่อให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นโลกภายนอกได้ขณะที่ยังสวมใส่อยู่
       
       โอลิมปัสยืนยันว่าภาพจากแว่นตาอัจฉริยะนี้จะมีความสว่างสดใสชัดเจน และใช้พลังงานน้อย ที่สำคัญคือสามารถให้ภาพคมชัดเมื่อใช้งานนอกอาคาร ทั้งหมดนี้ตัวแว่นมีน้ำหนักเพียง 30 กรัมเท่านั้น
       
       ข้อมูลระบุว่า ต้นแบบแว่นสามารถฉายภาพในโหมด projection mode ต่อเนื่องนาน 2 ชั่วโมง ขณะที่การใช้งานระบบเสมือน หรือ visual fun จะทำงานได้ 8 ชั่วโมง
       
       อีกจุดที่น่าสนใจคือ ตัวแว่นจะฝังระบบเซ็นเซอร์ accelerometer เพื่อให้ระบบรู้องศาการเอียงศีรษะเมื่อสวมใส่ จุดนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมหรือใช้งานแอปพลิเคชันตามการเคลื่อนไหวได้
       
       ข้อแตกต่างสำคัญของ MEG4.0 เมื่อเทียบกับ Project Glass ของกูเกิล คือแว่นตาของโอลิมปัสนั้นไม่มีกล้องดิจิตอลอยู่ภายใน ซึ่งอาจทำให้จุดยืนสินค้าแว่นของโอลิมปัสต่างจากแว่นของกูเกิล โดยแม้จะยังไม่มีการเปิดเผยคุณสมบัติที่แน่ชัด แต่กูเกิลระบุว่าตัวแว่นจะมาพร้อมกล้องดิจิตอล, หน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง, หน่วยความจำที่เหมาะสม และมี touch pad หรือพื้นที่สำหรับให้ผู้ใช้แตะนิ้วเพื่อควบคุมการทำงานเครื่อง ที่สำคัญ Project Glass ยังจะมีไมโครโฟน, ลำโพง, รองรับคลื่นความถี่หลากหลาย, ติดตั้งระบบเซ็นเซอร์หลายตัวเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหว และมีระบบเข็มทิศ
       
       สรุปคือ กูเกิลวาง Project Glass ในฐานะแว่นตาอัจฉริยะที่เป็นเหมือนคอมพิวเตอร์เครื่องจิ๋วซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูล, อ่านข้อความ text ในอุปกรณ์พกพา, ชมวิดีโอออนไลน์, โพสต์ภาพและวิดีโอเข้าสู่เครือข่ายสังคม และทำงานอีกหลายอย่างโดยผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาแตะหน้าจอ หรือล้วงหยิบอุปกรณ์ของตัวเองจากในกระเป๋า โดยล่าสุดกูเกิลประกาศให้นักพัฒนาผู้ร่วมงานประชุมนักพัฒนาประจำปี Google I/O (จัดขึ้นเมื่อปลายเดือน มิ.ย.) สามารถจ่ายเงินจองแว่น 1,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 46,500 บาทเพื่อรับแว่นในปี 2013
       
       แม้จะยังไม่ได้จัดส่งในวันนี้ แต่การเปิดให้สั่งจองแว่น Project Glass ครั้งนี้ทำให้ถูกมองว่าเป็นพัฒนาการสำคัญที่แสดงว่าแว่นอัจฉริยะนี้กำลังจะพร้อมออกสู่ตลาดแมสในเร็ววัน โดยจุดประสงค์ของการเปิดขายต้นแบบแว่นอัจฉริยะของกูเกิลนี้คือการเปิดกว้างให้นักพัฒนาช่วยกันเสนอข้อควรปรับปรุงแว่นตาพันธุ์ใหม่ ขณะเดียวกันก็ร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้แว่นตานี้สามารถทำประโยชน์ได้มากขึ้น
       
       ทั้งหมดนี้ เซอร์เกย์บริน (Sergey Brin) ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิลระบุว่าแว่นตานี้คือเทคโนโลยีใหม่ที่กูเกิลต้องการให้นักพัฒนาทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางเพื่อให้แว่นตานี้สามารถเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคจะได้ใช้งานโดยเร็วที่สุด ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าหากโครงการนี้สามารถพัฒนาได้ต่อเนื่อง แว่นอัจฉริยะรุ่นราคาไม่แพงจากกูเกิลจะสามารถเริ่มทำตลาดได้ในปี 2014
       
       กูเกิลเชื่อมั่นว่าแว่นตานี้จะทำให้วิถีการใช้งานเทคโนโลยีของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยเฉพาะวิถีการแบ่งปันหรือการแชร์ภาพและวิดีโอของผู้ที่มีกิจกรรมแหวกแนว จากการสาธิต ผู้สวมแว่นของกูเกิลจะสามารถเห็นแผนที่หรือข้อความจากเพื่อนจากแว่นตา หากต้องการแชตกับเพื่อนก็สามารถทำได้จากแว่นตานี้โดยไม่ต้องถือจับอุปกรณ์พกพา เช่นเดียวกับการถ่ายภาพ ผู้ใช้จะไม่ต้องหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเล็งอีกต่อไป รวมถึงการซื้อสินค้าบนโลกออนไลน์ที่จะไม่ต้องมีการแตะหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
       
       นอกจากกูเกิล แอปเปิล (Apple) ก็มีท่าทีกำลังพัฒนาแว่นตาคอมพิวเตอร์เช่นกัน โดยบริษัทได้ยื่นจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีหน้าจอระบบฝังตัวในแว่นตา และล่าสุดแอปเปิลเพิ่งได้รับสิทธิบัตรอุปกรณ์เสริมในรูปหน้าจอสวมศีรษะที่สามารถฉายภาพโดยตรงสู่ดวงตาผู้ใช้ได้เช่นกัน
       
       ไม่เพียงแว่นตา บริษัทไอทียังมองเห็นความเป็นไปได้ในการพัฒนาคอนแทกต์เลนส์จิ๋วที่เป็นคอมพิวเตอร์ในตัวได้ จุดนี้มีรายงานว่า บาบัก พาร์วิซ (Babak Parviz) หนึ่งในทีมพัฒนาแว่นตาของกูเกิลซึ่งมีความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีชีวภาพนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคอนเทกต์เลนส์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย ซึ่งทั้งหมดยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมในขณะนี้
       
       ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับงานวิจัยของบริษัทฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช (Forrester Research) ซึ่งวิเคราะห์ว่าอุปกรณ์ประมวลผลที่สามารถสวมใส่ได้จะนำไปสู่ “สงครามแพลตฟอร์มใหม่” ในอนาคต ซึ่งจะยกระดับจากศึกชิงแชมป์แอปพลิเคชันพกพาในปัจจุบันที่มีผู้เล่นหลักเพียงแอปเปิล กูเกิล ไมโครซอฟท์ อเมซอน และเฟซบุ๊ก